ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

โรคกรดไหลย้อน vs โรคกระเพาะ เหมือนหรือต่างกันอย่างไร

โรคกรดไหลย้อน vs โรคกระเพาะ เหมือนหรือต่างกันอย่างไร Thumb HealthServ.net
โรคกรดไหลย้อน vs โรคกระเพาะ เหมือนหรือต่างกันอย่างไร ThumbMobile HealthServ.net

โรคกรดไหลย้อนและโรคกระเพาะ เป็นโรคยอดฮิตกลุ่มหนึ่งของผู้คนในยุคปัจจุบัน และเป็นกันมากตั้งแต่วัยหนุ่มสาวถึงคนวัยทำงาน แต่ด้วยความที่เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหาร ที่มีลักษณะอาการร่วมคล้ายๆกัน จนบางครั้งอาจทำให้ผู้ที่มีอาการบางครั้งก็สับสนว่าตนเองนั้นเป็นโรคใดกันแน่ ด้วยข้อสงสัยนี้ Mahidol Channel ได้นำเสนอข้อมูลอธิบายถึง ความเหมือนที่แตกต่างของ 2 โรคนี้ไว้แล้วดังนี้

โรคกรดไหลย้อน vs โรคกระเพาะ เหมือนหรือต่างกันอย่างไร HealthServ
 


โรคกรดไหลย้อน VS โรคกระเพาะ ความเหมือนที่แตกต่าง

 
หากพูดถึงภาวะที่พบได้บ่อยเกี่ยวกับทางเดินอาหาร คงหนีไม่พ้นโรคกรดไหลย้อน และโรคกระเพาะ ผู้ป่วยหลาย ๆ คนจึงมักจะสับสน และแยกความแตกต่างระหว่าง 2 โรคนี้ไม่ได้ หากการวินิจฉัยไม่ถูกต้อง จะส่งผลถึงการรักษา และการดูแลตัวเองในเบื้องต้น ซึ่งก็จะทำให้ผลการรักษาไม่ดีเท่าที่ควร โพสต์นี้เราจะมาไขข้อข้องใจในประเด็นนี้ให้กับคุณ
 
ความแตกต่างของโรคกรดไหลย้อน VS โรคกระเพาะ
1) โรคกระเพาะ เกิดกับกระเพาะอาหาร ขณะที่โรคกรดไหลย้อนจะเกิดจากหลอดอาหาร 
2) หลอดอาหาร เป็นส่วนที่อยู่ก่อนถึงกระเพาะอาหาร หากเป็นโรคกรดไหลย้อนก็จะเกิดอาการที่ช่องอกมากกว่า เพราะหลอดอาหารกับช่องอกจะอยู่ด้วยกัน ส่วนกระเพาะอาหารจะอยู่ในช่องท้อง
3) อาการที่เกิดขึ้นของโรคกระเพาะอาหาร ส่วนใหญ่จะสัมพันธ์กับมื้ออาหาร เช่น มีอาการหลังจากมื้ออาหารนั้น ๆ 
4) อาการของโรคกรดไหลย้อนกับโรคกระเพาะอาจเกิดร่วมกันได้ คนที่มีกรดไหลย้อนก็อาจจะมีโอกาสเกิดปัญหาเรื่องกระเพาะอาหารมากกว่าคนที่ไม่มีปัญหาเรื่องกรดไหลย้อน
 
โรคกรดไหลย้อน vs โรคกระเพาะ เหมือนหรือต่างกันอย่างไร HealthServ
 

โรคกรดไหลย้อน

อาการ
- แสบร้อนในอกหรือลำคอ
- อาจมีอาการปวดจุกหน้าอก คล้ายเป็นโรคหัวใจ
- อาการปวดเกิดขึ้นหลังกินอาหาร 30-60 นาที หรือไม่มีความสัมพันธ์กับมื้ออาหาร
- อาจมีอาการแน่นหน้าอกคล้ายกับอาหารไม่ย่อย
 
ปัจจัยการเกิดโรค
- ภาวะอ้วน
- การกินอาหารมัน
 
ปัจจัยเสริมทำให้โรคกำเริบ
- กินอาหารแล้วเข้านอนทันที
 
หลักการปรับพฤติกรรม
- กินอาหารแต่ละมื้อในปริมาณที่พอเหมาะ
- หลีกเลี่ยงอาหารทอด อาหารมัน อาหารย่อยยาก
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มบางประเภท เช่น กาแฟ ชา น้ำอัดลม
- ไม่นอนราบหลังจากกินอาหารเสร็จใหม่ ๆ
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
- งดสูบบุหรี่ และงดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

 

โรคกระเพาะอาหาร

อาการ
- แสบ ร้อน ปวด จุกลิ้นปี่ บริเวณกลางช่องท้องส่วนบนเหนือสะดือ
- ส่วนใหญ่อาการเกิดขึ้นสัมพันธ์กับมื้ออาหาร
- ปวดท้องก่อนและหลังอาหาร หรือปวดท้องขณะที่ท้องว่าง

ปัจจัยการเกิดโรค
- การกินอาหารไม่ตรงเวลา
- การสูบบุหรี่
- การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นประจำ
- การกินยาบางชนิด เช่น ยาแก้ปวด แก้ยอก หรือที่เรียกว่า ‘เอ็นเสด’ (NSAIDs)
 
ปัจจัยเสริมทำให้โรคกำเริบ
- การกินอาหารไม่ตรงเวลา
- กินอาหารอย่างรวดเร็ว
- กินอาหารคราวละมาก ๆ
- ความเครียด
 
หลักการปรับพฤติกรรม
- กินอาหารอ่อน ย่อยง่าย
- กินอาหารตรงตามเวลาทุกมื้อ
- หลีกเลี่ยงอาหารเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด
- งดสูบบุหรี่ และงดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
- ผ่อนคลายความเครียด กังวล และพักผ่อนให้เพียงพอ
- หากมีอาการของภาวะแทรกซ้อน ให้รีบพบแพทย์

ทั้ง 2 โรคถือว่ามีคนเข้าใจผิดค่อนข้างเยอะ เนื่องจากคำบรรยายอาการอาจดูใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไปหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตก็อาจทำให้เกิดความสับสนได้
 
โดยการรักษาด้วยการใช้ยา ทั้ง 2 โรคมีทั้งที่ใช้ยาบางชนิดแบบเดียวกัน บางชนิดอาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับลักษณะอาการของคนไข้ รวมถึงการดำเนินโรค และวิธีการปฏิบัติตัวที่แตกต่างกันเล็กน้อย
ผลการรักษาจะดีขึ้นได้ ต้องอาศัยการปรับพฤติกรรมร่วมด้วย และแม้ว่าทั้ง 2 โรคจะแตกต่างกัน แต่ก็สามารถเกิดขึ้นพร้อมกันได้ในคน ๆ เดียวกัน การดำเนินชีวิตหลาย ๆ อย่างอาจช่วยให้อาการดีขึ้น อย่างไรก็ตาม หากแยกอาการได้ถูกตั้งแต่แรก ก็จะทำให้ผลการรักษาดีขึ้นได้

 
ข้อมูลโดย
ผศ.พญ.มณฑิรา มณีรัตนะพร 
อาจารย์ประจำสาขาวิชาโรคระบบทางเดินอาหาร ภาควิชาอายุรศาสตร์ 
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล
 

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด