ทั่วยุโรปยังคงกังวลกับการระบาดที่เพิ่มขึ้นในแทบทุกประเทศ มาตรการเข้มงวดได้ถูกงัดออกมาใช้เพื่อควบคุมสถานการณ์แล้ว ด้วยหวังว่าจะช่วยไม่ให้คริสมาสต์ปีนี้กลายเป็นจุดระเบิดการระบาดรอบใหญ่รอบใหม่ทั่วภูมิภาค กอปรกับการมาของโอมิครอน ยิ่งเร่งเร้าการตัดสินใจของรัฐบาลให้ต้องรีบเร่งดำเนินมาตรการในทันที
WHO เตือนว่ายุโรปและเอเซียกลางอาจต้องพบความสูญเสียอีกกว่า 700,000 ชีวิตก่อนมีนาคมปีหน้า (2565)
แต่ละประเทศมีมาตรการอย่างไร
โปแลนด์
ทางการจะบังคับการฉีดวัคซีนในบุคลากรการแพทย์ ครู ตำรวจ ทหารและพนักงานดับเพลิง หลัง 1 มีนาคมปีหน้า การฉีดวัคซีนจะเงื่อนไขในการทำงานของอาชีพเหล่านั้น ขณะที่ร้านอาหาร ไนท์คลับ โรงภาพยนต์ ถูกสั่งให้ลดจำนวนผู้รับบริการ ตั้งแต่ 15 ธันวาคม
เยอรมนี
รัฐสภาจะพิจารณาเพื่อโหวตว่าจะบังคับใช้กฏหมายบังคับฉีดวัคซีนในกลุ่มโรงพยาบาลและบุคลากรการแพทย์หรือไม่ หลังจากสัปดาห์ที่แล้ว ทางการออกกฏห้ามผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนเข้าใช้บริการร้านค้าบางประเภท ร้านอาหาร การชมกีฬาและกิจกรรมต่างๆ ไปแล้ว
ชาวเยอรมันกว่า 68.9% ได้รับวัคซีนครบแล้ว รัฐบาลตั้งเป้าฉีดให้ได้ 75% ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันอยู่ที่ประมาณ 36,000 คนต่อวัน ลดลงจากระดับ 45,000 เมื่อสัปดาห์ก่อน อัตราการติดเชื้อใหม่ 432.2 รายต่อประชากรแสนราย เสียชีวิต 399 รายในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา รวมผู้เสียชีวิตไปแล้ว 103,520 ราย
ฝรั่งเศส
สั่งปิดไนท์คลับ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคมนี้ เป็นเวลา 4 สัปดาห์ ตั้งแต่ 15 มกราคมปีหน้า ผู้ใหญ่ทุกคนที่เคยได้รับวัคซีนไปแล้วเกิน 4 เดือน จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อรักษาสิทธิ์บัตรผ่านสุขภาพ (Health pass) เอาไว้ เนื่องจากตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมนี้ไป ชาวฝรั่งเศสที่อายุเกิน 65 ปีขึ้นไป บัตรผ่านที่มีจะเริ่มหมดอายุ
ฝรั่งเศสขณะนี้มีผู้ป่วยในไอซียู 2,191 คน จากผู้ป่วยทั้งหมดที่อยู่ในโรงพยาบาลทั่วประเทศ 12,096 คน อัตราการฉีดวัคซีนของฝรั่งเศสอยู่ที่ 76.8% ของประชากร 67.4 ล้านคน
อิตาลี
ประกาศกฏนำระบบบัตรผ่านสุขภาพมาใช้อีกครั้ง สำหรับประชาชนที่จะเข้าใช้บริการสาธารณะ เช่น เข้าโรงภาพยนต์ คอนเสิร์ต ชมกีฬา หรือร้านอาหาร
เดนมาร์ค
หลังพบผู้ติดเชื้อโอมิครอน 183 ราย ทางการประกาศชี้ว่าเป็นการระบาดในท้องถิ่นแล้ว เนื่องจากผู้ติดเชื้อหลายรายไม่ได้เดินทางหรือไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศหรือติดต่อสัมผัสกับผู้เคยเดินทางแต่อย่างใด
เบลเยี่ยม
กลุ่มผู้ประท้วงนับพันยังคงมีอยู่เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับมาตรการรัฐที่บังคับให้พนักงานรัฐต้องฉีดวัคซีน ที่จะเริ่มตั้งแต่ 1 มกราคม 65 เป็นต้นไป ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามจากถูกให้ออก
ออสเตรีย
ผู้ประท้วงนับหมื่นยังคงออกมาชุมนุมเมื่อวันเสาร์ (4 ธันวาคม) ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 เพื่อแสดงการไม่เห็นด้วยกับการล็อกดาวน์ของรัฐบาล ที่จะมีต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 11 ธันวาคม และคาดว่าจะช่วยลดอัตราการติดเชื้อที่พุ่งแรงลงได้ ตั้งแต่ 2 ธันวาคม ร้านค้าจำเป็นจะเปิดได้ถึงเพียง 1 ทุ่ม จากเดิม 3 ทุ่ม
ไอร์แลนด์
ทางการประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ห้ามเปิดไนท์คลับ ส่วนร้านอาหาร ผับ โรงแรมจะต้องจัดระเบียบการบริการใหม่ โดยให้บริการได้เพียง 50% และกำหนดให้ต้องแสดงบัตรผ่านสุขภาพ เมื่อเข้าใช้บริการ มาตรการจะมีผลวันที่ 7 ธันวาคม ยาวไปจนถึง 9 มกราคม 65 หลังจากประเมินแล้วว่า หากไม่มีการควบคุมในช่วงคริสมาส จะเสี่ยงสูงมาก
นอร์เวย์
หลังจากการพบกลุ่มก้อนผู้ติดเชื้อกลุ่มใหญ่ ที่คาดว่าอาจจะติดเชื้อโอมิครอน ซึ่งขณะนี้ยังตรวจไม่ครบทั้งหมด ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าไม่น้อยกว่าครึ่งของทั้งหมดที่มีผลบวก (120 ราย) จะมีเชื้อโอมิครอน
ทางการได้ออกมาตรการครอบคลุมพื้นที่ในออสโลและปริมณฑล ให้ work from home จำกัดการรวมกลุ่มเกิน 100 คนในกิจกรรมในพื้นที่ปิดหรือภายในอาคาร ร้านอาหาร บาร์ ต้องให้ผู้ใช้บริการลงชื่อ สวมหน้ากากอนามัยเมื่อใช้บริการขนส่งสาธารณะหรือใช้บริการในร้านค้าทั่วไป เป็นความจำเป็น ผู้เดินทางเข้าประเทศจะต้องมีผลตรวจโควิดเป็นลบใน 24 ชั่วโมงก่อนเดินทาง หากผลเป็นบวกต้องตรวจซ้ำด้วย PCR ภายใน 24 ชั่วโมง
อังกฤษ
ผู้ติดเชื้อโอมิครอนในอังกฤษเพิ่มขึ้นเป็น 437 ราย [Sky] ขณะที่อัตราผู้ติดเชื้อรายวันอยู่ที่ราว 45,000 ราย มีผู้ป่วยโควิดในโรงพยาบาลขณะนี้ 7,317 ราย 901 รายต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ทางการแนะให้ผู้ใหญ่ทุกคนต้องรับวัคซีนเข็มกระตุ้น