ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

[สรุปสธ.30/11/63] ผลสอบสวนผู้สัมผัส หญิงเชียงใหม่ติดเชื้อโควิด-19 จ.เชียงราย พบผู้เข้าข่าย

[สรุปสธ.30/11/63] ผลสอบสวนผู้สัมผัส หญิงเชียงใหม่ติดเชื้อโควิด-19 จ.เชียงราย พบผู้เข้าข่าย Thumb HealthServ.net
[สรุปสธ.30/11/63] ผลสอบสวนผู้สัมผัส หญิงเชียงใหม่ติดเชื้อโควิด-19 จ.เชียงราย พบผู้เข้าข่าย ThumbMobile HealthServ.net

ผลสอบสวนผู้สัมผัส หญิงเชียงใหม่ติดเชื้อโควิด-19 จ.เชียงราย พบผู้เข้าข่าย

โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

มาตรการของ ศบค. และหน่วยงานอื่นๆ

  • ศบค. รายงานสถานการณ์ วันที่ 29 พ.ย. พบผู้ป่วยรายใหม่ 11 ราย เดินทางมาจากสหรัฐฯ 1 ราย, ลิเบีย 2 ราย, โมซัมบิก 1 ราย, อิตาลี 1 ราย,ฝรั่งเศส 1 ราย, ปากีสถาน 1 ราย, เกาหลีใต้ 2 ราย, โอมาน 1 ราย และ คูเวต 1 ราย เข้าพักสถานกักกันที่รัฐจัดให้ รวมผู้ป่วยสะสม 3,977 ราย รักษาหายเพิ่ม 2 ราย รวมรักษาหาย 3,800 ราย ยังรักษาในรพ. 117 ราย เสียชีวิตคงที่ 60 ราย
ประเด็นผลกระทบ

1.เชียงใหม่พบหญิงไทยติดเชื้อโควิด 19

1.1 ความคืบหน้าผลสอบสวนผู้สัมผัส
 
  • นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กล่าวว่า ได้ติดตามผู้สัมผัสกลุ่มเสี่ยงสูง 65 ราย ผลไม่พบเชื้อ คกก.โรคติดต่อ จ.เชียงใหม่ ได้จัดสถานที่กักกันผู้สัมผัสเสี่ยงสูงไว้สังเกตอาการอย่างใกล้ชิด หากพบอาการผิดปกติจะตรวจหาเชื้อซ้ํา และแยกกักในรพ. สําหรับผู้สัมผัสที่กักกันตนที่บ้านจะประสานให้โควิดหมู่บ้านดูแลและประเมินจนครบ 14 วัน ขอความร่วมมือผู้ประกอบการโรงแรม ที่พัก คอนโดและประชาชน ช่วยกันสอดส่อง หากพบคนแปลกหน้าหรือผู้เดินทางที่ไม่ผ่านการกักตัวตามมาตรการภาครัฐ ให้แจ้งจนท.สาธารณสุข ตํารวจ หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง สําหรับประชาชนสามารถไปท่องเที่ยวได้ตามปกติ โดยสวมหน้ากาก หมั่นล้างมือ และไม่ไปในที่ที่คนแออัด ห้องแอร์อากาศปิด ส่วนคนไทยที่อยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาด อย่าลักลอบเข้ามาเพราะจะนําเชื้อมาติดคนในครอบครัว คนใกล้ชิด และคนในพื้นที่รวมทั้งยังผิดกฎหมายหลายฉบับ อาทิ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และพ.ร.บ.โรคติดต่อ เป็นต้น ขอให้เข้าประเทศตามกระบวนการ ถ้าติดเชื้อจะได้ดูแลรักษาตามระบบ
  • คกก.ควบคุมโรคติดต่อ จ.เชียงใหม่ เผย ขณะนี้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น ไม่มีไข้ ไม่มีหอบเหนื่อย จมูกเริ่มได้กลิ่น แต่มีความเครียดอยู่ในระดับสูง ยังคงอยู่ในการดูแลอย่างใกล้ชิดที่รพ.นครพิงค์
  • นพ.กิตติพันธุ์ ฉลอม ผู้ช่วยนพ.สสจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ทีมสอบสวนโรคพบผู้สัมผัสทั้งหมด 306 ราย ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ํา 149 ราย และผู้สัมผัสอื่นๆ 72 ราย ตรวจหาเชื้อแล้ว 88 ราย ผลเป็นลบทั้งหมด สําหรับผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 85 ราย ผลตรวจไม่พบเชื้อ 82 ราย ต้องติดตามตัวอีก 3 ราย คือ ผู้ที่โดยสารรถประจําเชียงราย-เชียงใหม่ วันที่ 24 พ.ย. เวลา 11.00 – 15.00 น. จํานวน 2 ราย และคนขับรถ Grab Car รับไปส่งที่คาราโอเกะคืนวันที่ 24 พ.ย.สําหรับผู้ที่ไปในสถานที่ดังกล่าว ขอให้กักกันตนเองจนครบ 14 วันหลังวันสัมผัส ผู้ที่ไม่มีอาการ ให้โทรนัดหมายเพื่อตรวจในวันที่ 1 ธ.ค. (ตามระยะฟักตัวเฉลี่ย) หากพบอาการผิดปกติระหว่างการกักกันให้รีบพบแพทย์และแจ้งประวัติเสี่ยง เพื่อขอรับการตรวจหาเชื้อได้ที่รพ.ทุกแห่งใน จ.เชียงใหม่
  • รองผวจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า เนื่องจากผู้ติดเชื้อบอกข้อมูลได้ไม่หมดในช่วงแรกและมาเปิดเผยระหว่างการสอบสวนโรคในแต่ละวัน จึงทําให้ทํางานได้ยาก อย่างไรก็ตาม คกก.โรคติดต่อ จ.เชียงใหม่ ยังไม่มีแนวทางที่จะล็อกดาวน์จังหวัด เนื่องจากยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
  • นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าฯ เชียงราย สั่งขยายผลขบวนการพาคนข้ามแดนและตรวจตราตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด เนื่องจากจะมีหญิงสาวที่ทํางานในสถานบันเทิงในท่าขี้เหล็กพยายามลักลอบเข้ามาในไทย สําหรับสถานบันเทิงในท่าขี้เหล็กที่หญิงสาวติดเชื้อโควิดทํางานอยู่ได้ถูกสั่งปิดแล้วทางการเมียนมาสั่งล็อกดาวน์ 3 หมู่บ้าน คือบ้านปงถุน, บ้านสันทรายเหนือ และบ้านสันทรายใต้ และมีการตั้งด่านสกัดตามถนนทุกสายที่เข้าออก จ.ท่าขี้เหล็ก เนื่องจากขณะนี้พบผู้ติดเชื้อแล้ว 15 คน
  • เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของท่าขี้เหล็ก รายงานว่า จากการติดตามบุคคลที่เข้าไปใช้บริการที่โรงแรมวันจีวัน พบว่า ชายชาวบ้านโป่งติดกับท่าเรือริมแม่น้ําโขง มีประวัติเข้าไปท่องเที่ยวที่โรงแรมติดเชื้อโควิดด้วย พบกลุ่มญาติติดเชื้ออีก 7 คน นําไปรักษาที่ รพ.ท่าขี้เหล็กแล้ว ทําให้จํานวนผู้ป่วยโควิดในท่าขี้เหล็กเพิ่มขึ้นเป็น 23 คน
  • บ.แกร็บ ประเทศไทย ออกแถลงการณ์ให้คนขับที่ให้บริการหญิงสาวที่ติดเชื้อโควิด 19 เข้ากักตัวเฝ๊าดูอาการและพักให้บริการแล้ว
  • เพจอีเจี๊ยบ เลียบด่วน แสดงความเห็นกรณีสาวไทยป่วยโควิดที่เชียงใหม่ ว่า เมื่อรักษาหายแล้วขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจับติดคุก เนื่องจากทําผิดทุกอย่างที่ห้าม ทั้งลักลอบเข้าเมือง ไม่กักตัว รู้ตัวว่าป่วยมีอาการแล้วไปห้าง เข้าโรงหนัง ร้านอาหาร บาร์โฮสต์ กินเหล้า สูบบุหรี่ ร่วมกับเพื่อน หน้ากากใส่บ้างไม่ใส่บ้าง
  • ชาวเน็ตได้ติดตามขุดประวัติจากเฟซบุ๊กของสาววัย 29 และเพื่อนๆ พร้อมทั้งตําหนิอย่างรุนแรงถึงพฤติกรรมที่การ์ดตก สร้างความวิตกกังวลไปทั่วจังหวัดว่าอาจเป็นต้นตอทําโรคโควิดกลับมาระบาดอีกระลอก เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ได้ร่วมมือป้องกันโรคโควิด 19 อย่างแข็งขันมาตลอด 6 เดือนกว่าที่ผ่านมา
  • หลายคนตั้งคําถามเรื่องเส้นทางที่หญิงรายนี้ลักลอบออกไปฝั่งเพื่อนบ้านเพื่อทํางาน และสามารถลักลอบกลับเข้ามาทางด่านชายแดนของ จ.เชียงรายได้อย่างไร ทั้งที่มีเจ้าหน้าที่เข้มงวด, มีจุดบกพร่องตรงไหน และใครควรจะเป็นผู้รับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกัน มีหลายคนกังวลว่าสถานการณ์อาจจะรุนแรงถึงขั้นปิดเมืองหรือไม่ เนื่องจากช่วงนี้เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวการท่องเที่ยวกําลังฟื้นตัว 
 

1.2 จ.เชียงราย พบผู้เข้าข่ายติดโควิดมีประวัติใกล้ชิดสาวเชียงใหม่

  • จ.เชียงราย ตรวจพบผู้เข้าข่ายติดเชื้อโควิด 19 เป็นหญิงอายุ 26 ปี ชาวขุนตาล จ.เชียงราย ซึ่งลักลอบเข้าไปทํางานในสถานบันเทิงที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา กับเพื่อนสาวสาวเชียงใหม่ที่ติดเชื้อโควิด 19 โดยหลังทราบข่าวว่าเพื่อนที่เชียงใหม่ติดเชื้อโควิด19 จึงลักลอบกลับเข้าไทยทางช่องทางธรรมชาติ ด่านพรมแดนแม่สาย ในวันที่ 26 พ.ย. เข้าพักสถานที่พักแห่งหนึ่งใน อ.แม่สาย ด้วยอาการมีไข้อ่อนๆ และได้ว่าจ้างรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างพาไปตรวจหาเชื้อที่รพ.กรุงเทพ-เชียงราย และถูกส่งตัวมายังรพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ เพื่อทํา TS/NS คืนวันที่ 29 พ.ย. และเวลา 17.30 น. นพ.ทศเทพ บุญทอง นพ.สสจ.เชียงราย เผยว่า ผลตรวจเป็นบวก รพ.ได้ทําการตรวจอย่างละเอียดครั้งที่ 2 ผลเป็นบวกเช่นกัน ส่วนผู้ใกล้ชิดผู้ป่วย สสจ.เชียงรายกําลังรวบรวมข้อมูล จะมีการแถลงข่าวที่ศาลากลางจังหวัดเชียงราย ในเวลา 08.00 น. วันที่ 30 พ.ย.
  • สํานักประชาสัมพันธ์จ.เชียงราย ประกาศให้ผู้โดยสารรถตู้ บขส. คันที่ 11 หมายเลขทะเบียน 10-2973 เชียงราย ออกจากสถานีขนส่งแม่สาย วันที่ 24 พ.ย. เวลา 09.30 น. ถึงสถานีขนส่งเชียงราย แห่งที่ 1 (เก่า) เวลา 10.45 น. ให้มารายงานตัวหรือโทร.แจ้งรพ.ใกล้บ้าน หรือโทร.แจ้งสายด่วน สสจ.เชียงราย เบอร์ 053-910384 หรือเบอร์ 053-910385
  • หลังจาก ผวจ.เชียงราย สั่งให้ติดตามหาตัวผู้ที่สัมผัสกับหญิงสาวชาวไทย 2 คน ที่ลักลอบเข้าเมืองบริเวณ อ.แม่สาย จ.เชียงราย จนท.ฝ่ายปกครอง อ.แม่สาย พบว่าทั้ง 2 คนลักลอบเข้าเมืองทางชายแดนไทย-เมียนมา ด้านที่เป็นป่าเขาระหว่าง จ.ท่าขี้เหล็ก ไปทาง จ.เมืองสาด ทิศตะวันตกของลําน้ําสายตรวจพบชาย 1 คนที่รับจ้างพาทั้งคู่เดินทางจากบ้านผาแตก ต.เวียงพางคํา อ.แม่สาย .เชียงราย ไปส่งที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร อ.แม่สาย ให้การว่าไม่ทราบว่าทั้ง 2 คนหลบหนีเข้าเมือง จนท.ได้นําตัวไปกักดูอาการที่ LQ ในเขต อ.เมืองเชียงราย และยังติดตามหาผู้ที่อยู่ในกลุ่มสัมผัส 51 คน และเป็นกลุ่มเสี่ยง 49 คน เช่น กลุ่มที่เป็นคนพาข้ามแนวชายแดน ผู้ที่ร่วมนั่งรถตู้โดยสารจาก อ.แม่สาย 11 ราย ผู้ที่ร่วมนั่งรถบัสปรับอากาศจาก จ.เชียงราย ไปจ.เชียงใหม่ 35 ราย
  • นพ.ทศเทพ บุญทอง นพ.สสจ.เชียงราย กล่าวว่า จ.เชียงราย มีผู้มีประวัติสัมผัสกับหญิงสาวชาวเชียงใหม่ 51 ราย มีความเสี่ยงสูง 49 ราย คือ คนที่พาข้ามแดน คนขับรถจากชายแดนไปส่งที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร อ.แม่สาย พนักงานขับรถและผู้โดยสารรถตู้จาก อ.แม่สาย คันที่ 11 หมายเลขทะเบียน10-2973 เชียงราย ออกเวลา 09.30 น. นอกจากนี้ ยังมีที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.เชียงราย แห่งที่ 1 ในเขต อ.เมืองเชียงราย ผู้โดยสารรถบัสปรับอากาศและพนักงานจากสถานีดังกล่าวไปยัง จ.เชียงใหม่ ส่วนใหญ่พบตัวและเข้าสู่กระบวนการควบคุมการระบาดของโรคแล้ว
  • นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กล่าวถึงกรณี จ.เชียงราย พบผู้ป่วย 1 ราย อยู่ระหว่างรอตรวจโควิด 19 ว่า ได้รับรายงานเบื้องต้นว่าเป็นเพื่อนที่ทํางานในพม่าด้วยกันกับผู้ป่วยหญิงวัย 29 ปี ที่จ.เชียงใหม่ ส่วนรายละเอียดอยู่ระหว่างการสอบสวนโรค
  • ผวจ.เชียงราย เรียกประชุมคณะทํางานติดตามการดําเนินงานป้องกันและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด 19 มีมติให้ดำเนินการหลายด้านเพื่อสกัดกั้นการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง กําหนดให้ประสานงานกับประเทศเมียนมาให้สุ่มตรวจคนขับรถบรรทุกสินค้าชาวเมียนมาที่บริเวณด่านพรมแดน หลังจากที่ผ่านมาตรวจเฉพาะคนขับรถจากฝั่งไทยเท่านั้น นอกจากนี้ กําหนดให้ผู้ที่เคยมีประวัติลักลอบมาจากเมียนมาไปรายงานตัวที่รพ.สต.และ อสม. โดยมอบหมายให้ทางฝ่ายสาธารณสุขและฝ่ายปกครองแต่ละอําเภอรับไปดําเนินการ รวมทั้งเร่งรัดจัดตั้ง LQ ที่ชายแดนอ.แม่สาย และจะประสานกับผู้ว่าการ จ.ท่าขี้เหล็ก ให้ติดตามคนไทยที่ตกค้างใน จ.ท่าขี้เหล็ก เดินทางกลับมาฝั่งไทยตามช่องทางปกติ

2.สกัดกั้นผู้ลักลอบเข้าประเทศ

  • น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกฯ เผยว่า นายกฯ กําชับผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดชายแดนติดประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งเมียนมา กัมพูชา ลาว มาเลเซีย เพิ่มความเข้มงวดเฝ๊าระวังการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย พร้อมบูรณาการทุกภาคส่วนติดตามการลักลอบเข้าเมืองอย่างเร่งด่วน หากพบเจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการลักลอบเข้าเมือง จะต้องถูกดําเนินคดีตามกฎหมาย
  • ฝ่ายความมั่นคง อ.แม่สอด เปิดปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มขบวนการลักลอบขนคนต่างด้าวเข้าเมือง ช่วงสกัดกั้นโควิด 19 แนวชายแดนไทย-เมียนมาจับกุมต่างด้าวได้ 11 คน
  • กอ.รมน. บูรณาการหน่วยงานความมั่นคง สกัดกั้นการการลักลอบเข้าเมืองอย่างเข้มงวด และให้ตรวจสอบสถานประกอบการที่มีการใช้แรงงานต่างด้าวอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน

3.ประเทศกัมพูชา พบติดเชื้อในชุมชนครั้งแรก

  • นายกฯ ฮุน เซน ของกัมพูชา ออกแถลงการณ์ด่วน ขอความร่วมมือประชาชนให้สวมหน้ากากอนามัย งดเว้นการออกจากบ้านโดยไม่จําเป็น ล้างมือบ่อยๆและเว้นระยะห่าง สําหรับเด็กห้ามออกนอกบ้านและห้ามอยู่ใกล้ชิดกัน โดยเฉพาะในกรุงพนมเปญ กรุงเสียมราฐ กรุงศรีโสภณ และมณฑลคีรี หลังพบผู้ติดเชื้อในชุมชนครั้งแรก 6 ราย โดยเป็นภริยาของผู้บัญชาการเรือนจําในกรุงพนมเปญ และล่าสุดผู้บัญชาการเรือนจําในกรุงพนมเปญ ซึ่งเป็นสามีและสมาชิกในครอบครัวอีก 4 คน ติดเชื้อด้วย รัฐบาลประกาศปิดโรงแรมและโรงเรียนในเมืองหลวงของประเทศเพิ่มหลังพบว่าผู้ป่วยเคยเดินทางเข้าออกและใช้บริการในสถานที่เหล่านั้น
  • เจ้าหน้าที่ ตร. สภ.คลองลึก ลาดตระเวนร่วมกับ กองร้อย ทพ.1201 ตามแนวตะเข็บชายแดนช่องทางธรรมชาติป้องกันชาวกัมพูชาลักลอบเข้าประเทศไทย และจัดกําลังร่วมกันออกแจ้งเตือนประชาชนและพ่อค้าแม่ค้าในตลาดโรงเกลือ ให้สวมหน้ากากและล้างมือบ่อยๆ เพื่อป้องกันโรคโควิด 19

4.เรือยอร์ชเข้าไทยวันแรก 3 ลํา

  • เรือยอร์ชเข้าไทยวันแรก 3 ลํา จํานวน 4 คน ศรชล.ภาค 3 ตั้งฉก.กํากับดูแลเข้มข้น ที่ จ.ภูเก็ต หลายหน่วยงานร่วมบูรณาการเข้มตามมาตรการภาครัฐ โดยจะจอดทิ้งสมอในบริเวณจุดที่กําหนดบริเวณอ่าวปอ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจคัดกรองและกักตัวตามมาตรการที่กําหนด

5.การประกาศขยายเวลาพ.ร.ก.ฉุกเฉิน

  • นพ.เรวัต วิศรุตเวช ส.ส.พรรคเสรีรวมไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า รัฐบาลอ้างโควิดเพื่อใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สกัดม็อบ ยัดเยียดข้อหาให้กับผู้ชุมนุม

6.แม่ถ่ายทอดแอนติบอดี้ต้านโควิดให้ลูก

  • หญิงสาวสิงคโปร์ที่ติดเชื้อโควิดเมื่อต้นปีขณะตั้งครรภ์ ได้ให้กําเนิดทารกที่มีภูมิต้านทานต่อไวรัสโคโรนา ซึ่งบ่งชี้ว่าแม่อาจถ่ายทอดเชื้อให้ตัวอ่อนในครรภ์ทําให้เกิดคําถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่การติดเชื้อสามารถถ่ายทอดจากแม่ไปสู่ลูกได้ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่พบไวรัสที่สามารถแพร่เชื้อได้ในน้ําคร่ําหรือในน้ํานมของแม่ และ WHO ระบุว่ายังไม่มีองค์ความรู้ในประเด็นดังกล่าว

7.ผลข้างเคียงวัคซีน

  • นักวิชาการ ม.วอชิงตัน สหรัฐฯ เตือนแพทย์ทั่วโลกให้เตรียมรับมือกับผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน พร้อมยกตัวอย่างวัคซีนของ บ.โมเดอร์นา ของสหรัฐฯ ที่พบว่ามีโอกาสเกิดผลข้างเคียง 2% โดยมีอาการไข้สูง ปวดเมื่อยร่างกาย ไปจนถึงแขนบวม ขณะที่วัคซีนของ บ.ไฟเซอร์ สหรัฐฯ พัฒนาร่วมกับไบออนเทค เยอรมนี มีผลข้างเคียงคือ ไข้สูง ปวดศีรษะ และอ่อนเพลีย
 
 
 สถานการณ์ในต่างประเทศ
 
 -WHO เตือนว่า แม้จํานวนผู้ป่วยโรคโควิด 19 จะลดลง แต่ทุกประเทศยังคงต้องระมัดระวังอยู่
 -สหรัฐฯ พบผู้ติดเชื้อวันเดียวกว่า 200,000 ราย เป็นสถิติผู้ป่วยรายวันสูงสุดครั้งใหม่
 -จีน เมืองอู่ฮั่น ตรวจพบบรรจุภัณฑ์อาหารแช่แข็งนําเข้า 3 ตัวอย่าง มีผลตรวจโรคโควิด 19 เป็นบวก เป็นเนื้อวัวแช่แข็งนําเข้าจากบราซิล 2 ตัวอย่าง
และปลาบาซาแช่แข็งนําเข้าจากเวียดนาม 1 ตัวอย่าง
 -บราซิล พบผู้ป่วยรายใหม่ 51,922 ราย รวมผู้ป่วยทั้งหมด 6,290,272 ราย
 -ตุรกีพบผู้ป่วยใหม่ 30,103 ราย เป็นอีกประเทศที่พบผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดเป็นประวัติการณ์
 -เกาหลีใต้สั่งปิดฟิตเนส โรงเรียนสอนร้องเพลงและเครื่องเป่า ซาวนา ห้องอาบน้ําสาธารณะ คาเฟ่ และห้องสมุดในอพาร์ตเมนต์ รวมทั้งห้ามจัดงาน
เลี้ยงปลายปีในโรงแรมภายในโซลและปริมณฑล ตั้งแต่ 1 ธ.ค. ระบุว่า เป็นการระบาดรอบที่ 3 ที่กําลังแพร่ระบาดรวดเร็วที่สุดในรอบเกือบ 9 เดือน
เป็นผลจากการแพร่เชื้อภายในค่ายทหาร, เซานา, โรงเรียนมัธยมปลาย และโบสถ์
 -ญี่ปุ่น มีผู้ป่วยใหม่ 2,688 ราย เป็นตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของประเทศ
 -ฮ่องกง มีผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 115 ราย เป็นสถิติสูงสุดในรอบ 4 เดือน
 -อินโดนีเซีย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6,267 ราย ทางการได้ลงนามในข้อตกลงจัดซื้อวัคซีนป้องกันโควิด 19 จากบริษัทยาและเวชภัณฑ์ 4 แห่ง โดยมี
รายงานว่าวัคซีนของแอสตราเซเนกา จะจัดส่งให้ 100 ล้านโดส ภายในปีหน้า
 -สถานการณ์ทั่วโลก ผู้ติดเชื้อสะสม 63,048,487 ราย เสียชีวิต 1,464,743 ราย รักษาหาย 43,526,888 ราย โดยสหรัฐฯ มีผู้ป่วยสะสมสูงสุด 

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด