โรคไอบีเอส … ภัยเงียบข้างๆ คุณ
ไอบีเอสก็เป็นอักษรย่อทางการแพทย์ที่อาจไม่คุ้นหูกันนัก ทั้ง ๆ ที่มีคนจำนวนมากทั่วโลกที่มีอาการดังกล่าว ไอบีเอส (IBS) ย่อมาจากคำเต็มว่า Irritable Bowel Syndrome ซึ่งยังไม่มีชื่อเรียกภาษาไทยอย่างเป็นทางการโรคลำไส้แปรปรวน ในขณะที่บางท่านเรียกว่าโรคลำไส้หงุดหงิด
ไอบีเอสเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับการทำงานผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งลำไส้ ทั้งที่โครงสร้างของอวัยวะไม่มีอะไรผิดปกติ และไม่มีพยาธิสภาพใด อาการที่พบ มีตั้งแต่ท้องเสีย ท้องผูก หรือทั้งสองอย่างสลับกัน ผู้ป่วยมักจะปวดท้อง ซึ่งเมื่อได้ถ่ายอุจจาระจะรู้สึกหายปวด หลายคนมีอาการท้องอืด แน่นท้อง ผู้ป่วยอาจรู้สึกว่าถ่ายอุจจาระไม่ค่อยสุด หรือมีมูกปนออกมาเวลาถ่ายอุจจาระ ไอบีเอสแบ่งออกเป็น สามชนิดใหญ่ ๆ คือ
- ชนิดที่มีท้องผูกเป็นอาการเด่น
- ชนิดที่มีท้องเสียเป็นอาการเด่น
- ชนิดที่มีอาการท้องผูกและท้องเสียสลับกัน
สำหรับในประเทศไทย คาดว่าประมาณ 20-30 % ของผู้หญิงไทยกำลังถูกคุกคามด้วยโรคไอบีเอส แต่ยังมีสัดส่วนที่น้อยที่ไปปรึกษาแพทย์ เนื่องจากไม่คิดว่าตัวเองกำลังเป็น อาการของโรคไอบีเอส จะเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง สร้างความรำคาญไปตลอดชีวิต โดยจะมีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้ป่วย บางคนไม่กล้าไปเที่ยวไหนไกล ๆ เพราะกลัวจะมีปัญหาเรื่องห้องน้ำ หลายคนต้องลางานเมื่ออาการกำเริบเพราะปวดท้องมาก ทานยาแล้วอาการก็ไม่ดีขึ้น บางคนสุขภาพจิตเสื่อมเพราะกังวลว่าตนจะเป็นโรคร้าย ทำให้เครียด หวาดระแวง จนถึงขั้นซึมเศร้าก็มี
ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอนของโรคไอบีเอส จึงยังไม่มียาเฉพาะโรคนี้หรือการรักษาที่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ แพทย์จะให้การรักษาไปตามอาการ เช่น ให้ยาระบายในผู้ป่วยที่มีอาการท้องผูกเป็นอาการเด่น หรือให้ยาแก้ท้องเสียถ้ามีอาการท้องเสียเป็นอาการเด่น ให้ยาต้านการหดเกร็งของกล้ามเนื้อลำไส้เพื่อช่วยลดอาการปวดท้อง ดังนั้นผลการรักษาจึงยังไม่ได้ผลดี ผู้ป่วยจึงมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ มักไม่หายขาด และเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้มีการคิดค้นพัฒนายาสำหรับโรคไอบีเอสโดยเฉพาะขึ้น ซึ่งเป็นการรักษามุ่งไปที่พยาธิสรีระวิทยาของโรคไอบีเอสโดยตรง ซึ่งเป็นยาที่สามารถรักษาครอบคลุมอาการต่าง ๆ ของโรค ซึ่งได้แก่ อาการปวดท้อง ท้องอืด ท้องผูกได้ จึงทำให้ให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น
ผู้ที่สงสัยว่าตนอาจเป็นโรคไอบีเอสควรจะรีบไปปรึกษาแพทย์
อาการที่ช่วยบอกว่าคุณอาจจะเป็นโรคไอบีเอส
- มีอาการปวดท้องหรือไม่สบายท้อง และมักจะดีขึ้นหลังจากมีการถ่ายอุจจาระ
- ถ่ายผิดปกติ เช่น ท้องผูกติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ หรือ ท้องเสีย หรือท้องผูกสลับท้องเสีย
- อาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ท้องอืด แน่นท้อง ถ่ายปนมูก ถ่ายไม่สุด เป็นต้น