ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

แพทยสภา สู้ปัญหาหมอลาออก-ขาดแคลน ตั้ง 2 คณะอนุกรรมการ fast track แก้ไขเร่งด่วน

แพทยสภา สู้ปัญหาหมอลาออก-ขาดแคลน ตั้ง 2 คณะอนุกรรมการ fast track แก้ไขเร่งด่วน HealthServ.net
แพทยสภา สู้ปัญหาหมอลาออก-ขาดแคลน ตั้ง 2 คณะอนุกรรมการ fast track แก้ไขเร่งด่วน ThumbMobile HealthServ.net

ตามที่มีข่าวในสื่อว่าแพทย์ใช้ทุนสังกัดกระทรวงสาธารณสุขลาออกจำนวนมาก เป็นปัญหาที่แพทยสภาให้ความสำคัญและห่วงใย และพยายามแก้ไขปัญหาได้บางส่วนเท่าที่มีอำนาจกระทำได้ แต่ด้วยต้นเหตุเรื่องนี้ซับซ้อนมีบุคคลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ในการทำความเข้าใจ เพื่อนำเสนอรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการผลักดันให้ปัญหานี้ยุติแบบยั่งยืน

 
  เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2566 เวลา 13.00 น. ณ ห้องประชุมวชิรเวช ชั้น 14 อาคารมหิตลาธิเบศร กระทรวงสาธารณสุข ได้มีการประชุมคณะกรรมการแพทยสภา ครั้งที่ 7/2566 โดย ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา เป็นประธานการประชุมฯ ซึ่งในวันนี้ได้มีการนำวาระ ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นปัญหาการลาออกของแพทย์เพิ่มพูนทักษะ ภาระงานและปัญหาการขาดแคลนแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อพิจารณา  

 

ประเด็นปัญหาสำคัญ 3 เรื่อง

เลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า การลาออกของแพทย์ใช้ทุนนั้นเป็นปัญหาที่แพทยสภาให้ความสำคัญและห่วงใย โดยได้มีความพยายามติดตามปัญหามาโดยตลอด แต่แก้ไขได้เพียงบางส่วนเท่าที่มีอำนาจกระทำได้ ด้วยต้นเหตุเรื่องนี้มีความซับซ้อนและมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ซึ่งมีประเด็นสำคัญ 3 เรื่อง คือ 
 
    1. แพทยสภาในฐานะองค์กรที่กำกับดูแลมาตรฐานผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมในประเทศไทย เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้รับการรักษาพยาบาลที่ได้มาตรฐานและปลอดภัย ซึ่งคณะกรรมการแพทยสภา ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข อธิบดีกรมการแพทย์ อธิบดีกรมอนามัย เจ้ากรมแพทย์ทหารบก เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ เจ้ากรมแพทย์ทหารอากาศ และนายแพทย์ใหญ่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จำนวน 25 แห่ง ซึ่งผลิตแพทย์ในประเทศไทย โดยมีสัญญาชดใช้ทุน โดยส่วนใหญ่อยู่ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ในปีแรกเรียกว่าแพทย์เพิ่มพูนทักษะ 
 
 
    2. แพทยสภาตั้งอนุกรรมการเพื่อดูแลแพทย์เพิ่มพูนทักษะเป็นเครือข่าย ปัจจุบันมี 35 เครือข่าย และ 140 โรงพยาบาล เพื่อตรวจเยี่ยมและประเมินสถาบันที่ปฏิบัติงานเพิ่มพูนทักษะ และดูแลแพทย์จบใหม่เกือบทั้งหมดที่อยู่ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข การใช้ทุนแพทย์เพิ่มพูนทักษะปีที่ 1 เป็นโครงการร่วม เพื่อช่วยให้แพทย์ใหม่ได้เรียนรู้ในการดูแลผู้ป่วยและหัตถการอย่างต่อเนื่อง เป็นการเสริมสร้างความมั่นใจให้แพทย์จบใหม่ เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ โดยมี  ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร ลีลารัศมี เป็นประธาน เสนอปัญหาและแนวทางแก้ไข โดยตรงจากทุกเขตสุขภาพ ด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและคณะแพทยศาสตร์ต่าง ๆ ตลอดช่วง 3 ปี ที่ผ่านมาและลดปัญหาไปได้บางส่วน
 
 
    3. ปัญหาการลาออกจากราชการของแพทย์ใช้ทุน เป็นปัญหาเชิงซ้อนซึ่งมีต่อเนื่องมาโดยตลอด มีการศึกษาและติดตามจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งแพทยสภา แพทย์จบใหม่ทุกคนเป็นกลไกสำคัญของระบบสุขภาพที่ดูแลรักษาประชาชนผู้เจ็บป่วย ให้การเข้าถึงระบบบริการสุขภาพของประเทศไทย แต่ยังขาดประสบการณ์ และต้องการการดูแลจากอาจารย์ และแพทย์อาวุโสที่ร่วมปฏิบัติงานในพื้นที่ ให้เกิดความอุ่นใจ และปลอดภัยในการทำงาน ร่วมกับภาระงานต้องไม่หนักเกินกำลัง ในกรณีนี้ แพทยสภาจึงได้กำหนดแนวทางชั่วโมงการทำงานไว้ ในประกาศแพทยสภาที่ 46/2565 กำหนดให้แพทย์เพิ่มพูนทักษะที่ทำงาน ต่อเนื่อง 24 ชั่วโมงให้พัก 4 ชั่วโมงอย่างน้อย และปฏิบัติงานนอกเวลาไม่เกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ส่วนการปฏิบัติงานเวรอุบัติเหตุฉุกเฉินได้ไม่เกิน 16 ชั่วโมงติดต่อกัน เพื่อความปลอดภัยของแพทย์และผู้ป่วย และติดตามว่าโรงพยาบาลใดบ้างที่ไม่สามารถปฏิบัติตามแนวทางนี้ได้ และด้วยเหตุใด เพื่อแพทยสภาจะได้เป็นตัวกลางในการช่วยประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการหาทางออกให้กับปัญหาดังกล่าว ทั้งนี้อาจมีการเพิ่มเติมรายละเอียดได้ในอนาคต
 
 
 
แพทยสภา สู้ปัญหาหมอลาออก-ขาดแคลน ตั้ง 2 คณะอนุกรรมการ fast track แก้ไขเร่งด่วน HealthServ
 
 
    เมื่อรวบรวมปัญหาที่ทำให้น้องแพทย์ใหม่แต่ละท่าน เกิดความทุกข์ในการทำงาน ขึ้นกับแต่ละสถานที่ ที่ใช้ทุนแตกต่างกันไป ที่สำคัญคือเกิดจากการขาดแคลนแพทย์ผู้ปฏิบัติงานในสถานพยาบาล บางแห่งมีการขาดแคลนมากเกิดการควบเวร เมื่อเทียบกับภาระงานหรือจำนวนผู้ป่วยที่มาใช้บริการ ทำให้ต้องทำงานมากกว่าที่ควรเป็น รับผิดชอบเกินกำลัง เป็นปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไขโดยรัฐบาล ซึ่งต้องมีงบประมาณในการจัดจ้างบุคลากรทางการแพทย์เพิ่มเติมจากภายนอก นอกเหนือจากที่ได้รับจัดสรรจากแพทย์จบใหม่ อาจจะมาจากผู้ที่เกษียณราชการ หรือภาคเอกชน เพื่อให้ประชาชนได้รับการดูแลที่ดี และมีนโยบาย ดูแลสุขภาพเพื่อลดความเจ็บป่วยหรือกระจายผู้ป่วยให้เข้าถึง ด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข กำลังดำเนินการอยู่
 
 
    ปัญหาเรื่องสวัสดิการค่าตอบแทน รวมถึง ภาระหน้าที่และความช่วยเหลือของแพทย์อาวุโสในแต่ละโรงพยาบาล ในการให้คำปรึกษาและช่วยงาน ความเป็นธรรม ในการจัดภาระงาน อาทิ การดูแลคนไข้ นอกเวลาและในวันหยุด ความเสี่ยงของคดีความ และความช่วยเหลือด้านกฎหมายของ รพ. มีความสำคัญในการ ที่ทำให้แพทย์ใหม่ ปฏิบัติงานและปรับตัวผ่านช่วงเพิ่มพูนทักษะได้และอยากรับราชการต่อในกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งต่อเนื่องกันไปถึงการให้ทุนในการศึกษาต่อด้วย เพราะแพทย์กว่าร้อยละ 80 ต้องการความก้าวหน้าในสายวิชาชีพ ด้วยการเรียนต่อแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ


 
แพทยสภา สู้ปัญหาหมอลาออก-ขาดแคลน ตั้ง 2 คณะอนุกรรมการ fast track แก้ไขเร่งด่วน HealthServ

แนวทางแก้ไขโดยแพทยสภา


    คณะกรรมการแพทยสภาในการประชุมครั้งที่ 8/2566 มีมติให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการต่อเนื่องจากชุดแรกอีกสองชุด ได้แก่ 
 
    ชุดที่ 1 คณะอนุกรรมการติดตามประสานงานกับแพทย์เพิ่มพูนทักษะ ปี พ.ศ. 2566  เพื่อติดตามปัญหาตั้งแต่เดือนแรกในการปฏิบัติงาน และทำทางด่วน ( fast track ) ในการแก้ไขเร่งด่วนกับ แพทยสภาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนเก็บข้อมูลและวิเคราะห์แนวทางแก้ไขปัญหาป้องกันและรักษาแพทย์ใช้ทุนให้อยู่ในระบบได้เรียนรู้และทำงานอย่างมีความสุขโดยมีอุปนายกแพทยสภาคนที่ 2 ศ.คลินิก นพ .วิศิษฎ์ วามวานิชย์ เป็นประธาน 
 
    ชุดที่ 2 คณะอนุกรรมการบูรณาการ ปัญหาการขาดแคลนแพทย์ ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข มหาวิทยาลัย ราชวิทยาลัย และหน่วยที่เกี่ยวข้อง อาทิ ก.พ. สปสช. เพื่อวางระบบ การผลิต การศึกษาต่อ และการกระจายแพทย์ ของประเทศในส่วนที่เกี่ยวข้องกับแพทยสภา โดยนายกแพทยสภาเป็นประธาน เพื่อนำเสนอข้อมูลที่ได้วิเคราะห์เกี่ยวกับ ภาระงาน มาตรฐานและความเหมาะสมให้ จัดระบบแพทยศาสตร์ศึกษาของประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการผลักดันกฎหมายควบคุมเวลาการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ตามความเหมาะสม เพื่อการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนของรัฐบาล


 
 
    ท้ายที่สุดนี้ ต้องขอขอบคุณสื่อมวลชนและสมาชิกแพทย์ทุกท่าน ที่ได้ร่วมกันสะท้อนปัญหาดังกล่าว นำไปสู่การแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างเร็งด่วนมากขึ้น การทำงานในระบบสุขภาพของประเทศ องค์ประกอบหลักมิใช่มีเพียง แพทย์เท่านั้น ยังมีสภาวิชาชีพอื่น ๆ โดยเฉพาะพยาบาล และบุคลากรอื่น ๆ ซึ่งมีความขาดแคลนมากกว่าแพทย์ ต้องแก้ไขไปในทิศทางเดียวกัน โดยต้องเป็นธรรม ทั้งภาระงาน สวัสดิการ และค่าตอบแทน ให้สอดคล้องกับแนวความคิดของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา และปัญหาใหม่ที่จะเกิดขึ้นในยุคสังคมผู้สูงวัย ท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อสุขภาพประโยชน์การเข้าถึงการรักษาของประชาชนโดยมีความปลอดภัยเป็นสำคัญ ซึ่งแพทยสภาตระหนักเป็นอย่างยิ่งและมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะขอให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนการแก้ไขปัญหาให้กับกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความยั่งยืนในเรื่องกำลังคน การกระจายที่จะทำงานให้กับประชาชนต่อไป 





แพทยสภา  8 มิถุนายน 2566

หมอทวีศิลป์ แจงข้อมูลหมอลาออกคลาดเคลื่อน

       7 มิถุนายน 2566  นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข จะนำเสนอชุดข้อมูลของกระทรวงฯ เรื่องความขาดแคลน ภาระงาน การลาออก ความต้องการแพทย์เพื่อขับเคลื่อนระบบสุขภาพ ให้ที่ประชุมได้ช่วยกันพิจารณาหาทางออกที่เหมาะสมร่วมกัน 
 
          “เรื่องจำนวนแพทย์ที่ลาออกจากระบบราชการ ยังมีหลายกระแสข่าวว่าแพทย์จบใหม่ 2,700 คน มีการลาออกถึง 900 คน หรือ 1 ใน 3 ซึ่งเป็นการแปลความที่คลาดเคลื่อน จำนวน 900 คน นั้น เป็นการถูกจัดสรรไปยังหน่วยงานอื่นก่อนจัดสรรให้กระทรวงสาธารณสุขและกลาโหม ข้อมูลที่แท้จริง กระทรวงสาธารณสุขได้รับจัดสรรแพทย์ปีละประมาณ 1,800 คน มีการลาออกของแพทย์ใช้ทุนปี 1, ปี 2, ปี 3 และหลังใช้ทุนครบ 3 ปี รวมเฉลี่ยปีละ 455 คน สาเหตุที่ลาออกมีทั้งไปศึกษาต่อ ไปทำงานในภาคเอกชน หมดสัญญาชดใช้ทุน รวมถึงภาระงานด้วยส่วนหนึ่งซึ่งเมื่อรวมกับแพทย์ที่เกษียณปีละ 150-200 คน จะมีแพทย์ออกจากระบบปีละ 655 คน” นพ.ทวีศิลป์กล่าว
 
          นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องภาระงานที่เพิ่มขึ้นมากจากการให้บริการ ซึ่งส่วนหนึ่งเชื่อมโยงกับด้านสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ท่านปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้มอบหมายให้ นพ.พงศ์เกษม ไข่มุกด์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งดูแลงานเกี่ยวกับหลักประกันสุขภาพ นัดหารือกับ สปสช.เร็วๆ นี้ ถึงทิศทางการลดภาระงานซึ่งไม่ใช่แพทย์ฝ่ายเดียว แต่รวมถึงทุกวิชาชีพที่ร่วมให้บริการ ส่วนเรื่องกรอบอัตรากำลังแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ได้มีการนัดหมายเลขาธิการ ก.พ. เพื่อหารือแนวทางการบริหารจัดการใหม่ๆ ทั้งเรื่องของแซนด์บ็อกซ์ รูปแบบการจ้างงานต่างๆ ในวันที่ 20 มิถุนายน นี้
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด