ไทยขยับแบนกัญชาสันทนาการ
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ตีข่าวประเด็นกัญชาเพื่อสันทนาการที่พบแพร่หลายในประเทศไทย อาจต้องถึงจุดสิ้นสุด หลังรัฐบาลขยับก้าวใหม่ เตรียมเสนอกฏหมายเพื่อห้ามการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญหลังจากการปลดกัญชาพ้นจากยาเสพติดมานาน 18 เดือน
เป็นที่ถกเถียงกันมากว่า 18 เดือนที่ผ่านมาเป็นภาวะสุญญากาศของกฏหมายกัญชาหรือไม่ เหตุเพราะพ.ร.บ. กัญชาจากรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังไม่ผ่านสภาแม้จะมีความพยายามผลักดัน แต่กระนั้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา ถือเป็นโอกาสทองของการผ่อนคลาย ทำให้กัญชาออกสู่ตลาดและผู้บริโภคมากมาย ราวกับเป็นสินค้าบริโภคทั่วไปในชีวิตประจำวันเลยทีเดียว ร้านค้าจำหน่ายกัญชาผุดเร็วกว่าดอกเห็ดในแทบทุกจังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยวจุดสำคัญของประเทศ ทั้งกรุงเทพ ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ ฯลฯ สอดรับกับการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว ย่อมเป็นปัจจัยดึงดูดอย่างไม่อาจปฏิเสธได้เช่นกัน
ภายหลังการเลือกตั้งใหญ่ในเดือนพฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมาและการจัดตั้งรัฐบาลใหม่โดยพรรคเพื่อไทย และนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ชื่อเศรษฐา ทวีสิน ทิศทางและนโยบายเกี่ยวกับกัญชาดูเหมือนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ โดยเฉพาะเมื่อนายกคนใหม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศในช่วงแรกของการเข้ารับตำแหน่งเกี่ยวกับสถาการณ์ยาเสพติดและกัญชาในประเทศว่า “ตระหนักว่าเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ” และจะจำกัดกัญชาสำหรับใช้ในทางการแพทย์เท่านั้น
ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า
กระทรวงสาธารณสุข ได้เสนอ ร่างพ.ร.บ.ฉบับใหม่ ที่กำหนดโทษปรับ หรือโทษจำคุกสูงสุด 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับผู้กระทำผิด รวมถึงการห้ามการโฆษณาและแคมเปญการตลาดสำหรับช่อดอก สารสกัดกัญชา และผลิตภัณฑ์กัญชาอื่น ๆ
การสูบกัญชาในที่สาธารณะยังคงผิดกฎหมายแม้จะอยู่ภายใต้กฎหมายที่ผ่อนคลาย
ร่างกฎหมายกัญชาฉบับใหม่นี้ สะท้อนคำมั่นของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ในเดือนกันยายนที่ว่ารัฐบาลใหม่ของเขาจะ "แก้ไข" กฎหมายเกี่ยวกับกัญชาภายในหกเดือนข้างหน้า ร่างกฎหมายฉบับก่อนหน้านี้ไม่ได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาในเดือนพฤศจิกายน
ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในเอเซีย ที่ปลดล็อกกัญชาไม่เป็นยาเสพติด มีผลตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2022 (2566) ท่ามกลางนานาประเทศเพื่อนบ้านในเอเซีย ที่ยังคงเข้มงวดกับยาเสพติดและยาเสพติด และมีโทษรุนแรงหากประชาชนของตนเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง อาทิ เช่น สิงคโปร์ที่กำหนดโทษประหารเอาไว้ สำหรับกัญชา สิงคโปร์มีคำเตือนให้กับชาวสิงคโปร์ว่าแม้จะเสพจากนอกประเทศ ก็จะถูกดำเนินคดีเมื่อเดินทางกลับประเทศ หรือในฮ่องกง ที่กำหนดให้ผลิตภัณฑ์จากกัญชาเป็นสิ่งต้องห้าม แม้แต่ผลิตภัณฑ์จากสารสกัด CBD (ที่ไม่มีฤทธิ์เมา) ก็ถูกห้ามเช่นกัน ผู้ครอบครองมีโทษจำคุก จนถึงประหารชีวิต
กัญชาทางการแพทย์ในไทย เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2018 (2561) จนกระทั่งมีการปลดกัญชาพ้นจากยาเสพติดในเดือนมิถุนายน 2022 ทำให้การปลูก การแปรรูป จนถึงธุรกิจ การค้า เกี่ยวกัญชา และผลิตภัณฑ์ เฟื่องฟูขึ้นทันตา ร้านค้าจำหน่ายกัญชาผุดขึ้นทั่วประเทศ รวมทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ สปา ร้านสุขภาพ เกิดกิจกรรม มหกรรม งานแฟร์ เทศกาลที่เกี่ยวกับกัญชาเกิดขึ้นมากมาย
และแน่นอนว่า กัญชา คืออีกหนึ่งปัจจัยดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
นายอนุทิน ชาญวีรกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในรัฐบาลที่แล้ว ที่เป็นผู้นำในการปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติด เคยกล่าวกับซีเอ็นเอ็นไว้ว่า การปลดล็อกกัญชานี้ ไม่ได้ต้องการให้คนไทยหรือนักท่องเที่ยวใช้กัญชา เพื่อสันทนาการในที่สาธารณะได้แต่อย่างใด
เขาย้ำว่า “ประเทศไทยมีนโยบายกัญชา ก็เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ไม่แม้แต่จะคิดที่สนับสนุนให้ผู้คนใช้กัญชาในแง่ของการพักผ่อนหย่อนใจ หรือใช้ในลักษณะที่อาจสร้างความรำคาญให้กับผู้อื่น และเน้นย้ำว่าทุกส่วนของกัญขา ต้องใช้เพื่อสุขภาพเท่านั้น”
ด้านผู้สนับสนุนนโยบายกัญชา ให้เหตุผลว่า นโยบายกัญชาเป็นการช่วยเกษตรกร ธุรกิจขนาดเล็ก และทำให้เกิดการจ้างงาน
หลายฝ่ายแสดงความผิดหวัง กับร่างกฏหมายใหม่ของรัฐบาลปัจจุบัน ผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียงบางรายให้ความเห็นว่า ไม่คาดคิดว่ารัฐบาลจะออกกฏเช่นนี้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม นโยบายกัญชาในไทย ก็มาไกลเกินกว่าจะนำเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีกครั้ง
