ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

6 สูตรประหยัดไฟ เครื่องปรับอากาศ เครื่องใช้ไฟฟ้า

6 สูตรประหยัดไฟ เครื่องปรับอากาศ เครื่องใช้ไฟฟ้า HealthServ.net
6 สูตรประหยัดไฟ เครื่องปรับอากาศ เครื่องใช้ไฟฟ้า ThumbMobile HealthServ.net

6 สูตรจากการประหยัดจากการเครื่องปรับอากาศ ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง เครื่องใช้ไฟฟ้า ตู้เย็น ในครัว และการปรับปรุงสิ่งแวดล้อม


สูตร 1 ประหยัดไฟจากเครื่องปรับอากาศ

1. .เลือกซื้อเครื่องปรับอากาศที่ได้มาตรฐาน
ดูฉลากแสดงประสิทธิภาพให้แน่ใจทุกครั้งก่อนตัดสินใจซื้อ หากมีอุปกรณ์ไฟฟ้าเบอร์ 5 ต้องเลือกใช้เบอร์ 5 มีการรับประกันจากผู้ผลิต/ผู้จำหน่าย เพราะหากชิ้นส่วน อุปกรณ์เสียหาย ควรได้รับการเปลี่ยน หรือซ่อม ตามมาตรฐาน เพื่อคงคุณภาพการใช้งานได้อย่างต่อเนื่องและไม่สิ้นเปลือง 

2. เปิดแอร์ที่  25 องศา ก็สบายเพียงพอ
อุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 25 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นระดับอุณหภูมิที่กำลังสบาย และประหยัดไฟ  เพราะอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น 1 องศา ต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 5-10
 
3. ปิดเครื่องปรับอากาศทุกครั้งที่จะไม่อยู่ในห้องเกิน 1 ชั่วโมง
สำหรับเครื่องปรับอากาศทั่วไป และ 30 นาที สำหรับเครื่องปรับอากาศเบอร์ 5 
 
4. ทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศของเครื่องปรับอากาศเป็นประจำ
เมื่อแผ่นกรองสะอาด เครื่องปรับอากาศก็ทำงานไม่หนักเกินไป ไฟฟ้าที่ใช้ก็ลดลง
 
5. ห้ามมีสิ่งใดกีดขวางทางลมเข้า-ออก
ของชุดระบายความร้อนที่อยู่นอกอาคาร จะทำให้เครื่องระบายความร้อนไม่ดี ทำงานหนัก และเปลืองไฟฟ้า

6. อย่าติดตั้งชุดระบายความร้อนใกล้ผนังเกินไป
เพราะเครื่องจะใช้ไฟฟ้ามากขึ้นร้อยละ 5-20 ควรตั้งให้ห่างอย่างน้อย 15 เซนติเมตร เพื่อระบายความร้อนได้ดี
7. หลีกเลี่ยงมิให้อากาศร้อนภายนอกเข้าสู่ห้องปรับอากาศ
ปิดประตูเข้าออกทุกครั้ง หน้าต่างหรือช่องต่างๆ ควรปิดสนิท ไม่มีช่องให้รั่วไหล ควรตรวจสอบและอุดรอยรั่วตามผนัง ฝ้าเพดาน ช่องแสง อื่นๆ เหล่านี้ด้วยเช่นกัน  การติดตั้งและใช้อุปกรณ์ควบคุมการเปิด-ปิดประตูในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ เป็นทางเลือกที่ดีหากเป็นไปได้
 
8. ติดตั้งฉนวนกันความร้อนโดยรอบห้อง
จะช่วยลดการสูญเสียพลังงานและป้องกันการถ่ายเทความร้อนเข้าภายในอาคาร 
 
9. กันสาด/มู่ลี่ ป้องกันแสงแดดก็มีควาสำคัญ
ส่องกระทบตัวอาคาร และบุฉนวนกันความร้อนตามหลังคาและฝาผนัง เพื่อไม่ให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักเกินไป 
 
10. ลดและหลีกเลี่ยงการเก็บเอกสาร หรือวัสดุอื่นใดที่ไม่จำเป็น
ต้องใช้งานในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย และใช้พลังงานในการปรับอากาศภายในอาคาร
 
11. สำหรับสำนักงาน
ไม่จำเป็นต้องเปิดเครื่องปรับอากาศก่อนเวลาเริ่มงาน และควรปิดเครื่องปรับอากาศก่อนเวลาเลิกใช้งานเล็กน้อย เพื่อประหยัดไฟ 


 

สูตร 2 ประหยัดไฟจากระบบไฟฟ้าแสงสว่าง

 
1. ปิดไฟ เมื่อเลิกใช้งาน
เปิดใช้เท่าที่จำเป็น การลดการใช้ในช่วงเวลา 12.00-13.00 น. ก็สามารถประหยัดได้ไม่น้อย
 
2. ใช้หลอดไฟประหยัดพลังงาน
ใช้หลอดผอมแทนหลอดอ้วน ใช้หลอดตะเกียบแทนหลอดไส้ หรือใช้หลอดคอมแพคท์ฟลูออเรสเซนต์

3. แยกไฟเฉพาะจุด
ควบคุมการใช้งานเฉพาะจุดได้ ตามความจำเป็น โดยเฉพาะห้องในบ้านหรือสำนักงาน ที่มีพื้นที่มาก

4. ทำความสะอาดหลอดไฟเป็นระยะ
จะช่วยเพิ่มแสงสว่าง โดยไม่ต้องใช้พลังงานมากขึ้น ควรทำอย่างน้อย 4 ครั้งต่อปี

5. ไม่ปล่อยให้หลอดไฟชำรุด/เสีย
ควรเปลี่ยน/ซ่อมแซมทันที

6. ใช้บัลลาสต์ประหยัดไฟหรือบัลลาสต์อิเล็กโทรนิก
จะประหยัดได้ดีกว่าหลอดไฟหรือบัลลาสต์แบบดั้งเดิม และปลอดภัยกว่า 

7. เลือกใช้โคมไฟแบบมีแผ่นสะท้อนแสงในห้องต่างๆ
เพื่อช่วยให้แสงสว่างจากหลอดไฟ กระจายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้หลอดไฟฟ้าวัตต์สูง ช่วยประหยัดพลังงาน 

8. ใช้หลอดไฟที่มีวัตต์ต่ำ
สำหรับบริเวณที่จำเป็นต้องเปิดทิ้งไว้ทั้งคืน ไม่ว่าจะเป็นในบ้านหรือข้างนอก เพื่อประหยัดค่าไฟฟ้า 
9. ใช้แสงสว่างจากธรรมชาติเท่าที่จะทำได้
เป็นการช่วยประหยัดได้อย่างตรงไปตรงมา เช่น เปิดม่านรับแสงแดด  ติดตั้งกระจกหรือติดฟิล์มกันความร้อน แต่ยอมให้แสงผ่านเข้าได้

 

สูตร 3 ประหยัดไฟจากตู้เย็น

ตู้เย็น เป็นสิ่งจำเป็นของทุกบ้าน ทำตามนี้หลายๆข้อ จะช่วยประหยัดได้มากมาย
  • ปิดตู้เย็นให้สนิท
  • ทำความสะอาดภายในตู้เย็น และแผ่นระบายความร้อนหลังตู้เย็นสม่ำเสมอ
  • อย่าเปิดตู้เย็นบ่อย
  • อย่านำของร้อนเข้าแช่ในตู้เย็น 
  • ตรวจสอบขอบยางประตูของตู้เย็นไม่ให้เสื่อมสภาพ เพราะจะทำให้ความเย็นรั่วออกมาได้
  • เลือกขนาดตู้เย็นให้เหมาะสมกับขนาดครอบครัว ตู้เย็นใหญ่ กินไฟมาก
  • ควรตั้งตู้เย็นไว้ห่างจากผนังบ้าน 15 ซม. 
  • ควรละลายน้ำแข็งในตู้เย็นสม่ำเสมอ การปล่อยให้น้ำแข็งจับหนาจนเกินไปจะทำให้เครื่อง ต้องทำงานหนัก ทำให้กินไฟมาก 
  • เลือกซื้อตู้เย็นประตูเดียว เนื่องจากตู้เย็น 2 ประตู จะกินไฟมากกว่าตู้เย็นประตูเดียวที่มีขนาดเท่ากัน เพราะต้องใช้ท่อน้ำยาทำความเย็นที่ยาวกว่าและใช้คอมเพรสเซอร์ขนาดใหญ่กว่า 
  • ตั้งสวิตซ์ควบคุมอุณหภูมิของตู้เย็นให้เหมาะสม การตั้งที่ตัวเลขต่ำเกินไปอุณหภูมิจะ เย็นน้อย ถ้าตั้งที่ตัวเลขสูงจะเย็นมาก เพื่อให้ประหยัดพลังงานควรตั้งที่เลขต่ำที่มีอุณหภูมิ พอเหมาะ 
 
 

สูตร 4 ประหยัดไฟจากเครื่องใช้ไฟฟ้า

1.  พัดลม
เลือกซื้อที่มีเครื่องหมายมาตรฐานรับรอง ประหยัดไฟ เพราะพัดลมที่ไม่ได้คุณภาพมักเสียง่าย ทำให้สิ้นเปลือง 
การใช้พัดลมแทนเครื่องปรับอากาศ จะช่วยประหยัดไฟ ประหยัดเงินได้มากทีเดียว

2. เตารีด 
  • ไม่ควรพรมน้ำจนแฉะเวลารีดผ้า เพราะต้องใช้ความร้อนในการรีดมากขึ้น
  • ดึงปลั๊กออกก่อนการรีดเสื้อผ้าเสร็จ เพราะความร้อนที่เหลือในเตารีด ยังสามารถรีดต่อได้จนกระทั่งเสร็จ
  • เสียบปลั๊กครั้งเดียว ต้องรีดเสื้อให้เสร็จ
  • ไม่ควรเสียบและถอดปลั๊กเตารีดบ่อยๆ เพราะการทำให้เตารีดร้อนแต่ละครั้งกินไฟมาก 
 
3. เครื่องซักผ้า
  • ควรใส่ผ้าให้เต็มกำลังของเครื่อง เพราะซัก 1 ตัวกับซัก 20 ตัว ก็ต้องใช้น้ำในปริมาณเท่าๆ กัน 
  • เลี่ยงการอบผ้าด้วยเครื่อง ถ้าไม่จำเป็น เพราะจะเปลืองไฟมาก
  • ควรตากเสื้อผ้ากับแสงแดดหรือแสงธรรมชาติ ทั้งยังช่วยประหยัดไฟได้มากกว่าการอบผ้า 
 
4. โทรทัศน์
  • ปิดโทรทัศน์ทันทีเมื่อไม่มีคนดู เพราะการเปิดทิ้งไว้โดยไม่มีคนดู
  • ไม่ควรปรับจอโทรทัศน์ให้สว่างเกินไป
  • อย่าเปิดโทรทัศน์ให้เสียงดังเกินความจำเป็น
 
5. เครื่องเป่าผม
เช็ดผมให้แห้งก่อนเป่าผมทุกครั้ง ให้เครื่องเป่าผมสำหรับแต่งทรงผม ไม่ควรใช้ทำให้ผมแห้ง เพราะต้องเป่านาน เปลืองไฟฟ้า 


6. คอมพิวเตอร์
ปิดเมื่อไม่ใช้ หรือ ตั้งค่าให้พักเครื่อง/จอเมื่อทิ้งระยะการใช้งาน


สัญลักษณ์ Energy Star ก่อนเลือกซื้ออุปกรณ์สำนักงาน (เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องโทรสาร เครื่องพิมพ์ดีดไฟฟ้า เครื่องถ่ายเอกสาร ฯลฯ) ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงาน ลดการใช้กำลังไฟฟ้า เพราะมีระบบประหยัดไฟฟ้าอัตโนมัติ

 

สูตร 5 ประหยัดไฟจากในครัว
 

1. ใช้เตาแก๊สหุงต้มอาหาร ประหยัดกว่าใช้เตาไฟฟ้า เตาอบไฟฟ้าและควรติดตั้งวาล์วนิรภัย (Safety Valve) เพื่อความปลอดภัยด้วย 
 
2. เวลาหุงต้มอาหารด้วยเตาไฟฟ้า ควรจะปิดเตาก่อนอาหารสุก 5 นาที เพราะความร้อนที่เตาจะร้อนต่ออีกอย่างน้อย 5 นาที เพียงพอที่จะทำให้อาหารสุกได้ 
 
3. อย่าเสียบปลั๊กหม้อหุงข้าวทิ้งไว้ เพราะระบบอุ่นจะทำงาน ตลอดเวลาทำให้สิ้นเปลืองไฟ เกินความจำเป็น 
 
4. กาต้มน้ำไฟฟ้า ต้องดึงปลั๊กออกทันทีเมื่อน้ำเดือด อย่าเสียบไฟไว้เมื่อไม่มีคนอยู่ เพราะนอกจากจะไม่ประหยัดพลังงานแล้ว ยังอาจทำให้เกิดไฟไหม้ได้ 
 
5. แยกสวิตซ์ไฟออกจากกัน ให้สามารถเปิดปิดได้เฉพาะจุด ไม่ใช้ปุ่มเดียวเปิดปิดทั้งชั้น ทำให้เกิดการสิ้นเปลืองและสูญเปล่า 
 
6. หลีกเลี่ยงการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ต้องมีการปล่อยความร้อน เช่น กาต้มน้ำ หม้อหุงต้ม ไว้ในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ 
 
7. ซ่อมบำรุงอุปกรณ์ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้และหมั่นทำความสะอาดเครื่องใช้ไฟฟ้า อยู่เสมอ จะทำให้ลดการสิ้นเปลืองไฟได้ 
 
8. อย่าเปิดคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้ถ้าไม่ใช้งาน ติดตั้งระบบลดกระแสไฟฟ้าเข้าเครื่อง เมื่อพักการทำงาน จะประหยัดไฟได้ร้อยละ 35-40 และถ้าหากปิดหน้าจอทันที เมื่อไม่ใช้งานจะประหยัดไฟร้อยละ 60 
 
 

สูตร 6 ประหยัดไฟการปรับสภาพแวดล้อม

1. ต้นไม้ช่วยสร้างร่มเงา
บ้านที่มีต้นไม้จะช่วยบังแดด สร้างร่มเงา และให้ความเย็นกับตัวบ้านได้อีกด้วย เป็นประโยชน์หลายต่อ และเครื่องปรับอากาศจะไม่ต้องทำงานหนักเกินไป 
 
2. เพิ่มสวน ปลูกพืช ไม้กระถาง ช่วยลดความร้อน
ลดความรุนแรงของความร้อนจากโดยตรงและการสะท้อน เพิ่มความขึ้นให้กับดินและสภาพโดยรอบ เหล่านี้จะช่วยทำให้บ้านเย็นได้อีกทาง ลดการใช้งานเครื่องปรับอากาศเย็นไปได้

3. ใช้สีอ่อนตกแต่งอาคาร
ทาผนังนอกอาคารเพื่อการสะท้อนแสงที่ดี และทาภายในอาคารเพื่อทำให้ห้องสว่างได้มากกว่า

4.ใช้แสงธรรมชาติ
เป็นแสงสว่างในอาคาร บางพื้นที่เช่นบันได โถงทางเดิน ครัว หากมีความโปร่งใช้แสงจากภายนอกได้จะช่วยประหยัดการใช้ไฟฟ้าแสงสว่างบริเวณนั้นได้มาก

5.ใช้ระบบโซลาร์เซลล์ 
ในบางอุปกรณ์ที่เป็นไปได้ เช่น โคมไฟหน้าบ้าน ไฟทางเดิน

6.ใช้ระบบฉนวนกันความร้อนอาคาร
นอกจากจะสามารถกันร้อน ลดอุณหภูมิความร้อนในตัวอาคารแล้ว ยังเป็นการควบคุมอุณหภูมิภายในห้องให้คงที่ 
 
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด