ขั้นตอนการขออนุญาตปลูกกัญชาที่กำหนดโดยกองควบคุมวัตถุเสพติด - สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562)
- รวมตัวจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชนในกิจการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อปลูกกัญชาโดยเฉพาะตั้งแต่ 7 คนขึ้นไป
- ยื่นจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชน ณ สำนักงานเกษตรอำเภอในพื้นที่
- วิสาหกิจชุมชนที่จดทะเบียนร่วมกับหน่วยงานของรัฐ สถาบันการศึกษา สถาบันการแพทย์
- ยื่นขออนุญาตผลิต (ปลูก) ซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชา
- เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว นำใบอนุญาตยื่นขอเพิ่มกิจการวิสาหกิจชุมชน ณ สำนักงานเกษตรอำเภอ ที่วิสาหกิจชุมชนจดทะเบียน
- ใช้เวลาประมาณ 7-15 วัน
ขั้นตอนการยื่นขออนุญาตปลูกกัญชา
- ยื่นเอกสารหลักฐาน ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด
- ตรวจประเมินสถานที่ขออนุญาตปลูกกัญชา
- เข้าประชุมคณะกรรมการจังหวัดที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมาย เพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาให้ความเห็น (กรณีพื้นที่ปลูกตั้งอยู่ต่างจังหวัด)
- เข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณากลั่นกรอง
- เข้าที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมยาเสผติดให้โทษ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ
- ออกใบอนุญาต
ผู้ได้รับอนุญาตปลูกกัญชามีหน้าที่ต้องทำดังนี้
- จัดให้มีการเก็บกัญชาเป็นสัดส่วน จากยาหรือวัตถุอื่นๆ และเก็บในที่ซึ่งมั่นคงแข็งแรง ที่มีสภาพเท่าเทียมกัน
- จัดให้มีการทำบัญชีรายรับจ่าย ยาเสพติดให้โทษ และเสนอรายงานต่อ เลขาธิการ อย. เป็นรายเดือน/ปี บัญชีดังกล่าวให้เก็บรักษาไว้และ พร้อมที่จะแสดงเจ้าหน้าที่ได้ทุกเวลา ในขณะเปิดทำการ ทั้งนี้ ภายใน 5 วัน นับแต่วันที่ลงรายการครั้งสุดท้าย ในบัญชีและรายงานให้เป็นตามแบบ ที่คณะกรรมการกำหนด โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
- ในกรณีที่กัญชาถูกโจรกรรม สูญหายหรือถูกทำลาย ต้องแจ้งเป็นหนังสือ ให้ผู้อนุญาตทราบโดยมิชักช้า
- ปฏิบัติการอื่นๆ ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
กองควบคุมวัตถุเสพติด - สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
ผู้ขออนุญาตปลูกกัญชา
ต้องเป็น
- หน่วยงานของรัฐ ที่มีหน้าที่ศึกษาวิจัยหรือจัดการเรียนการสอนทางการแพทย์ เภสัชกรรม วิทยาศาสตร์ หรือเกษตรศาสตร์ หรือมีหน้าที่ให้บริการทางการแพทย์ เภสัชกรรม หรือวิทยาศาสตร์ หรือมีหน้าที่ให้บริการทางเกษตรกรรมเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์หรือเภสัชกรรม หรือสภากาชาดไทย
- ผู้ประกอบวิชาชีพ ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพ การสัตวแพทย์ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ หรือหมอพื้นบ้านตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทย
- สถาบันอุดมศึกษา ตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชนที่มีหน้าที่ศึกษาวิจัย หรือจัดการเรียนการสอนเกี่ยวกับทางการแพทย์หรือเภสัชศาสตร์
- ผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมที่รวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชน ซึ่งจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจเพื่อสังคมตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น หรือสหกรณ์การเกษตรซึ่งจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ ซึ่งดำเนินการภายใต้ความร่วมมือและกำกับดูแลของหน่วยงานของรัฐหรือสถาบันอุดมศึกษาเอกชน
คุณสมบัติผู้ขออนุญาตปลูกกัญชา
- ผู้ขออนุญาตต้องมีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนด เช่น สัญชาติไทย มีที่อยู่ในไทย
- ผู้ขออนุญาตต้องจัดเตรียมสถานที่ปลูกให้เหมาะสม เช่น สถานที่มีเลขที่ตั้งชัดเจน มีระบบกล้องวงจรปิด
- ยื่นคำขอพร้อมด้วยเอกสารและหลักฐานตามที่กฎหมายกำหนด เช่น แผนการปลูก แผนที่สถานที่ปลูก
- ยื่นคำขอที่ อย. กระทรวงสาธารณสุข
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการควบคุยาเสพติดให้โทษพิจาณาอนุญาตให้ปลูกกัญชา
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถ โทร สายด่วน อย. 1556 กด 3 ในวัน และเวลาราชการได้
รวม แนวทางการปลูก-แปรรูป/สกัด-ผลิต-จำหน่ายกัญชา และกฎระเบียบ-กฏหมายที่เกี่ยวข้อง (จากอย.)
เพิ่มเติม
กฎกระทรวงฯ ยังระบุถึงกรณีผู้ป่วยเดินทางและจำเป็นต้องมียาที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบ ว่า ต้องเป็นผู้ป่วยเดินทางระหว่างประเทศที่มีความจำเป็นต้องนำยาเสพติดให้โทษ ในประเภท 5 เฉพาะกัญชาติดตัวเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร สำหรับใช้รักษาเฉพาะตัวภายใน 90 วันตาม คำสั่งของแพทย์ ซึ่ง
ทั้งหมดต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด 7 ประเภท คือ
- เพื่อใช้ทางการแพทย์ในประเทศ
- เพื่อการศึกษา วิเคราะห์ วิจัย ทางด้านการแพทย์หรือวิทยาศาสตร์หรือเภสัชกรรม
- เพื่อประโยชน์ทางราชการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดและความร่วมมือระหว่างประเทศ
- เพื่อการผลิตเพื่อส่งออก
- เพื่อการผลิตสำหรับคนไข้เฉพาะรายของผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไย การแพทย์แผนไทยประยุกต์ หรือหมอพื้นบ้าน
- เพื่อการผลิตที่ไม่ได้ผ่านการรับรองตำรับเพื่อรักษาโรคกรณีจำเป็นสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย และ
- กรณีผู้ป่วยเดินทางระหว่างประเทศนำติดตัวเข้ามาในหรือออกนอกประเทศสำหรับใช้รักษาเฉพาะตัวภายใน 90 วัน
สรุป คือ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ณ ขณะนี้ตัวกฎหมายรองรับเพียงใช้กัญชาทางการแพทย์เท่านั้น ดังนั้น หากจะอนุญาตการปลูก การผลิตแล้ว ยังต้องมีเงื่อนไขต่างๆอีกมาก ซึ่งได้กำหนดไว้ในตัวกฎหมายทั้งหมด แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องเน้นความปลอดภัย มีมาตรฐาน
องค์การเภสัชกรรมได้เปิดตัวโครงการผลิตระยะแรก ในการปลูกกัญชาในโรงเรือนระบบปิด เพื่อควบคุมคุณภาพ ความปลอดภัย และการพัฒนาสายพันธุ์ลูกผสมเพื่อนำไปสู่การสกัดน้ำมันกัญชาคุณภาพเพื่อรักษาโรคในแต่ละกลุ่มโรค ทั้งอาการข้างเคียงของผู้ป่วยมะเร็งที่รับคีโม อาการลมชัก อาการปลอกประสาทอักเสบ และปวดเรื้อรัง โดยใช้งบ 10 ล้านบาทเพื่อพัฒนายาสู่เมดิคัล เกรด
เรื่องนี้ นพ.โสภณ เมฆธน ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม(บอร์ดอภ.) บอกหลายครั้งว่า ที่ต้องลงทุนและทำในระบบโรงปิด เพื่อให้ได้มาตรฐานเมดิคัล เกรด เพื่อให้ได้สารสกัดที่มีคุณภาพรักษาเฉพาะแต่ละกลุ่มโรค ซึ่งการทำแบบนี้ต้องผ่านการรับรองมาตรฐานตามข้อกฎหมายกำหนด แน่นอนว่า มาตรฐานนี้ได้ผ่านการรับรองจาก อย.แล้ว และไม่ใช่แค่อภ. แต่ยังมีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกที่ร่วมกับศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ(ไบโอเทค) ในการขออนุญาตด้วยเช่นกัน
จากผู้เชี่ยวชาญ
ผศ.วิเชียร กีรตินิจกาล ผู้เชี่ยวชาญด้านการเพาะปลูกและปรับปรุงพันธุ์พืช องค์การเภสัชกรรม ยังอธิบายว่า พืชทุกชนิดมีคุณสมบัติใจการดูดสารอาหารและโลหะหนักแตกต่างกันกัญชาจัดอยู่ในอันดับต้นๆ ของพืชที่มีคุณสมบัติที่สามารถดูดซับโลหะหนัก 4 ประเภทได้ดี คือตะกั่ว แคทเมียม สารหนู และปรอท ซึ่งจะเห็นว่าก่อนหน้านี้ที่ อภ. นำเอากัญชาของกลางที่เคยคิดว่าจะนำมาสกัดใช้ทางการแพทย์ ไปตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบปนเปื้อนโลหะหนัก อภ.จึงทำโครงการปลูกกัญชาเพื่อเป็นวัตถุดิบเอง โดยได้ฤกษ์ปลูก “กัญชา” ถูกกฎหมายต้นแรกของไทย และของอาเซียนไปแล้ว ไปเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาบนเนื้อที่ 100 ตารางเมตร ของโรงงานผลิตยารังสิต คลอง 10 ขณะที่ยังเปิดส่วนอื่นๆในการพัฒนาสายพันธุ์ สารสกัดที่เหมาะสม ซึ่งมีการเตรียมพร้อมกันมาก่อนและเมื่อกฎหมายเปิด จึงทำการขออนุญาตตามขั้นตอน
การปลูกกัญชาทางการแพทย์ต้องมีความเข้มงวดตามมาตรฐานเมดิคัล เกรด คือ ต้องปลอดสิ่งปลอมปนทุกประเภทและมีปริมาณสารสำคัญสูงในระดับที่คงที่ทุกต้น
ซึ่งปกติมีการปลูกอยู่ 3 แบบ คือ
- ปลูกในดิน ไม่ว่าจะเป็นดินแท้หรือดินเทียมก็ตาม
- ปลูกแบบไฮโดรโปนิก หรือปลูกให้รากจุ่มน้ำ และ
- ปลูกแบบรากลอย (Aeroponics) โดยวิธีที่ 3 เป็นวิธีที่ให้ผลผลิตได้อย่างรวดเร็ว แต่หลายประเทศกังวล อเมริกา แคนาดาก็เคยคิดจะทำ แต่ไม่ได้ทำเพราะมีความเสี่ยงเกิดความเสียหายสูง เนื่องจากต้องควบคุมคุณภาพการปลูกอย่างเข้มงวด พลาดนิดเดียวกัญชาเสียหายหมด แต่อภ.พัฒนาวิธีการแก้ปัญหานี้ได้ ซึ่งถือเป็นความลับไม่สามารถบอกได้
สำหรับระบบที่อภ.ทำนั้น จะเป็นโรงเรือนระบบปิด มีการควบคุมอุณหภูมิ ควบคุมแสง อย่างแสงสีชมพูม่วงที่ เห็นมีการเผยแพร่ออกมานั่นคือแสงแดดเทียม ซึ่งต้องมีการควบคุมความเข้มข้นของแสงให้พอเหมาะกับช่วงอายุของกัญชา เช่น 2 เดือนแรกจะเปิดตลอด 8 ชั่วโมง หลังพ้น 2 เดือนแรกไปแล้วจะเปิดตลอด 12 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อเร่งให้กัญชาออกดอกได้เร็ว ส่วนเมล็ดกลมๆ สีชมพู คือดินเหนียวเผาขยาย ให้ปรุ บางแห่งใช้ดินเหนียวผสมถ่านหินเผาด้วยอุณหภูมิ 1,000 องศาเซลเซียส คุณสมบัติของมันคือเป็นตัวยึดต้นกัญชาให้รากลอย และเก็บน้ำ ออกซิเจน รวมถึงสารอาหารต่างๆไว้
ยาแผนไทย 16 ตำรับ
ในส่วนของกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกที่ร่วมกับทางไบโอเทคนั้น ก็เป็นอีกหน่วยงานที่ได้รับการอนุญาตจาก อย.ในการปลูกและผลิตกัญชาเพื่อใช้ทางการแพทย์ เบื้องต้นได้ที่การสังเคราะห์ตำรับยาไทยจำนวน 96 ตำรับ ที่นำมาใช้ประโยชน์ได้ แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มที่ คือ
- กลุ่ม ก. มี 16 ตัว ซึ่งเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมที่สูตรชัด วิธีการชัดสามารถใช้ได้เลย ส่วนใหญ่ใช้ในการรักษากลุ่มอาการ ปวด นอนไม่หลับ เป็นต้น
- กลุ่ม ข.กลุ่มที่มีสูตรชัด แต่วิธีการปรุงยายังไม่ชัด ต้องศึกษาเพิ่มเติม
- กลุ่ม ค. ต้องศึกษาวิจัย และ
- กลุ่ม ง. กลุ่มที่ยังติดขัดในข้อกฎหมายอื่นๆ เช่น อนุสัญญาไซเตส เพราะมีการห้ามใช้สมุนไพรบางตัว
โดยกลุ่ม ก.ที่มี 16 ตำรับ ประกอบด้วย
- ยาอัคคินีวคณะ จากคัมภีร์ธาตุพระนารายน์ แก้คลื่นเหียน อาเจียน
- ยาศุขไสยาศน์ จากคัมภีร์ธาตุพระนารายน์ แก้สรรพโรคทั้งปวงหายสิ้น มีก้าลังกินเข้าได้ หลับสบาย
- ยาแก้ลมเนาวนารีวาโย จากตำรายาศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
- ยาน้ำมันสนั่นไตรภพ จากตำรายาศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
- ยาแก้ลมขึ้นเบื้องสูง จากตำรายาศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
- ยาไฟอาวุธ จากตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ เล่ม 1 พระยาพิศณุประสาทเวช
- ยาแก้นอนไม่หลับ ยาแก้ไข้ผอมเหลือง จากตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์
- ยาแก้สัณฑฆาต กล่อนแห้ง จากตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ เล่ม 2 พระยาพิศณุประสาทเวช แก้ลมเสียดแทง
- ยาอัมฤตโอสถ จากตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ เล่ม 2 พระยาพิศณุประสาทเวช
- ยาอไภยสาลี จากตำราเวชศึกษา พระยาพิศณุประสาทเวช
- ยาแก้ลมแก้เส้น จากตำราเวชศาตร์วัณ์ณณา
- ยาแก้โรคจิต จากตำรายาอายุรเวทศึกษา (ขุนนิทเทสสุขกิจ) เล่ม 2
- ยาไพสาลี จากตำราอายุรเวทศึกษา (ขุนนิทเทสสุขกิจ) เล่ม 2
- ยาทาริดสีดวงทวารหนักและโรคผิวหนัง จากตำราอายุรเวทศึกษา (ขุนนิทเทสสุขกิจ) เล่ม 2
- ยาท้าลายพระสุเมรุ จากคัมภีร์แพทย์ไทยแผนโบราณ เล่ม 2 ขุนโสภิตบรรณลักษณ์ และ
- ยาทัพยาธิคุณ จากคัมภีร์แพทย์ไทยแผนโบราณ เล่ม 2 ขุนโสภิตบรรณลักษณ์
อ้างอิง