ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

โรคเบาหวานกับโรคโควิด-19

โรคเบาหวานกับโรคโควิด-19 HealthServ.net
โรคเบาหวานกับโรคโควิด-19 ThumbMobile HealthServ.net

ผู้เป็นเบาหวาน อาจมีภูมิต่ำ เกิดอาการไวรัสรุนแรง รวมถึง ไวรัสกระตุ้นให้น้ำตาลสูงได้อีกด้วย

โรคเบาหวานกับโรคโควิด-19 HealthServ

โรคโควิด ณ เวลานี้ นับว่ามีความรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้สูงอายุ หรือผู้มีโรคร่วม เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ หรือ หอบหืด ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ อาจเกิดอาการรุนแรงได้มากกว่าคนอื่น 

ผู้เป็นเบาหวาน อาจมีภูมิต่ำ เกิดอาการไวรัสรุนแรง รวมถึง ไวรัสกระตุ้นให้น้ำตาลสูงได้อีกด้วย
 

ทำไมเบาหวาน ถึงมีความเสี่ยง

รองศาสตราจารย์ ดร.ภญ.วิลาสินี หิรัญพานิช ซาโตะ ภาควิชาเภสัชวิทยา คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เผยแพร่ข้อมูล โรคเบาหวานกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)  ระบุว่า

การศึกษาหลายการศึกษาให้ผลสอดคล้องกันว่า นอกจากภาวะสูงอายุแล้ว ผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อ severe acute respiratory syndrome coronavirus 2 (SARS-CoV-2) ซึ่งเป็นสาเหตุการโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่มีโรคอื่นร่วมด้วย จะมีอาการแสดงที่รุนแรงและมีความเสี่ยงต่ออัตราการเสียชีวิตสูงกว่าผู้ที่ไม่มีโรคร่วมด้วย โดยโรคที่พบร่วมซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตมากที่สุด คือโรคความดันโลหิตสูง รองลงมาคือโรคเบาหวาน และโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจอุดตันเรื้อรัง ตามลําดับ

นอกจากนั้นโรคชนิดอื่น เช่น โรคเกี่ยวกับระบบหัวใจและหลอดเลือด โรคไตเรื้อรัง โรคอ้วน โรคมะเร็ง และโรคปอด ล้วนมีผลส่งเสริมทําให้อาการแสดงจากโรค COVID-19 รุนแรงขึ้น และเพิ่มอัตราการเสียชีวิตมากขึ้น

1. ผู้เป็นเบาหวานมีโอกาสติดเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ซึ่งเป็นสาเหตุโรค COVID-19 ได้มากกว่าคนปกติหรือไม่
แม้โรคเบาหวานเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่ส่งเสริมอาการแสดงที่รุนแรงและอาจก่อให้เกิดการเสียชีวิตจากโรค
COVID-19 ได้ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยโรคเบาหวานทั้งชนิดที่ 1 และ 2 มีโอกาสติดเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ได้ไม่แตกต่างจากคนปกติ เพียงแต่หากผู้ป่วยเบาหวานเกิดการติดเชื้อแล้วจะมีโอกาสเกิดอาการแสดงที่รุนแรงมากกว่า ทั้งนี้อ้างอิงจากผลการศึกษาแบบวิเคราะห์อภิมาน (meta-analysis) ซึ่งวิเคราะห์รวบรวมข้อมูลจากผลการศึกษาทางคลินิกจํานวน 14 การศึกษา มีผู้ป่วยโรค COVID-19 จํานวน 29,909 คน และมีผู้เสียชีวิตจากโรค COVID-19 จํานวน 1,445 คน พว่าผู้ป่วยโรค COVID-19 ที่เป็นโรคเบาหวานร่วมด้วย มีความเสี่ยงการเสียชีวิตมากกว่าคนปกติอย่างมันัยสําคัญทางสถิติมากกว่า 2 เท่า (OR = 2.41, 95%CI: 1.05–5.51, p = 0.037) (1)
 
2. ทําไมผู้ป่วยโรคเบาหวานจึงมีอาการแสดงจากการติดเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 รุนแรงกว่าคนปกติ(2)

สาเหตุที่คาดว่าเกี่ยวข้อง (2) ได้แก่
1) เชื้อไวรัส SARS-CoV-2 สามารถจับและเข้าสู่เซลล์ง่ายขึ้น เพราะที่ผิวเซลล์ปอดของผู้ป่วยเบาหวานจะมีการเพิ่มการแสดงออกของรีเซปเตอรชนิด angiotensin converting enzyme 2 (ACE2 receptor) และเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องในการแยก spike (S)-protein ของเชื้อออกเป็น S1 และ S2 ซึ่งจําเป็นในการจับกับ ACE2 รีเซปเตอร์ชนิดมากขึ้น ส่งผลทําให้เชื้อไวรัสเข้าสู่เซลล์ได้มากขึ้น
 
2) ระดับน้ําตาลในเลือดสูงขึ้นจะทําให้ร่างกายมีประสิทธิภาพในการกําจัดเชื้อไวรัสลดลง
 
3) ในร่างกายผู้ป่วยเบาหวานจะมีความไวต่อการเกิดกระบวนการอักเสบมากกว่าปกติ (hyperinflammation)
นอกจากนั้นการทํางานระบบภูมิคุมกันจะลดลง ทำให้กระบวนการจัดการกับกระบวนการอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสด้อยประสิทธิภาพลง 
 
3. แนวทางรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ป่วยเป็นโรค COVID-19 หากผู้ที่มีโรคประจําตัว เช่น โรคเบาหวาน แสดงมีอาการทางเดินหายใจ ไอ เจ็บคอ หายใจเหนื่อย มีน้ํามูก จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ที่ต้องสงสัยการติดเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ให้รีบไปรับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลทันที การมารักษาช้าอาจเสี่ยงต่อการอาการแสดงที่รุนแรงอันอาจจะทําให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ 
 
การศึกษาทางคลินิกพว่าผู้ป่วยเบาหวานที่เป็นโรค COVID-19 ที่ควบคุมระดับน้ําตาลในเลือดไม่ได้ (uncontrolled diabetes) จะมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตและต้องใช้เวลารักษาตัวในโรงพยาบาลนานกว่าคนปกติ ดังนั้นวิธีการสําคัญท่สีุดในการรักษา คือ ผู้ป่วยควรต้องควบคุมระดับน้ําตาลในเลือดให้อยู่ในระดับมาตรฐาน ร่วมกับการติดตามรักษาอาการแสดงอื่นๆจากโรค COVID-19 โดยหากผู้ป่วยสามารถรับประทานยาได้ ควรรับประทานยาลดน้ําตาลในเลือดที่ทานอยู่เดิม ไม่ควรหยุดยาหรือปรับเปลี่ยนยาเอง และหากต้องรักษาตัวในสถานพยาบาลต้องแจ้งรายละเอียด ชนิดยาที่ใช้อยู่ให้แพทย์ผู้ทําการรักษาทราบ เพื่อพิจารณาการรักษาให้เหมาะสมตามระดับน้ําตาลในเลือดของผู้ป่วย 
 
ผู้ป่วยโรคเบาหวานซึ่งมีความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนต่างๆ จะเป็นกลุ่มที่เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยรุนแรง
หากได้รับเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ที่เป็นสาเหตุการป่วยโรค CVOID-19 ดังนั้นการปฎิบัติตัวอย่างถูกวิธีในการป้องกันการติดเชื้อตามแนวทางของกรมควบคุมโรค (3) เช่น การหมั่นล้างมือ สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้ง เว้นระยะห่างทางสังคม (social distancing) ใกล้ชิดคนอื่นให้น้อยที่สุด และหลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า ตา ปาก จมูก โดยไม่จําเป็น เป็นต้น ร่วมกับการควบคุมระดับน้ําตาลในเลือดให้อยู่ระดับปกติ และสิ่งสําคัญคือต้องกระตุ้นความแข็งแรงของภูมิคุ้มกันร่างกายโดยการหมั่นดูแลให้ร่างกายแข็งแรงโดยการออกกําลังกายอย่างสม่ําเสมอ หากมีอาการเข้าขายการติดเชื้อให้รีบตรวจยืนยันการติดเชื้อและเข้ารับการรักษาให้เร็วที่สุด 

 

กรมควบคุมโรค ได้ให้ข้อมูลว่า กลุ่มของผู้ป่วยเบาหวาน เป็นกลุ่มเสี่ยงสำคัญหากติดเชื้อโควิด 19 จะเกิดอาการป่วยรุนแรงหรือเสียชีวิตได้ เนื่องจากมีภูมิคุ้มกันต่ำกว่าคนทั่วไป และโดนเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยโรคเบาหวานที่คุมระดับน้ำตาลไม่ได้ ซึ่งมีประมาณ 2.1 ล้านคน หรือ ร้อยละ 70 ของผู้ป่วยเบาหวานทั้งหมด จะมีโอกาสติดเชื้อง่ายขึ้นไปอีก 
 
            “มีผลการศึกษาพบว่า ระดับน้ำตาลที่สูงจะทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำลง และเชื้อไวรัสโควิดจะเจริญเติบโตได้ดี  และเพิ่มจำนวนมากขึ้น จึงขอให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานทุกคน เคร่งครัดปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ รับประทานยาให้ครบอย่างสม่ำเสมอ อย่าขาดยาอย่างเด็ดขาด ดูแลสุขภาพแข็งแรง ไม่เครียด และให้รีบเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ฟรี ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านโดยเร็ว และไปรับการฉีดให้ครบ 2 เข็มตามนัดของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ซึ่งวัคซีนจะลดความรุนแรงและลดอัตราการเสียชีวิตได้” นายแพทย์ปรีชากล่าว
 
            การวิเคราะห์ในกลุ่มที่เสียชีวิตจากโรคโควิด 19 ตั้งแต่ปี 2563 จนถึงวันที่ 13 สิงหาคม 2564 ซึ่งมีจำนวนสะสม 7,126 ราย พบว่าโรคเบาหวาน เป็นสาเหตุแทรกซ้อนอยูในอันดับต้นๆ จากข้อมูลการศึกษาวิจัยในผู้ป่วยเบาหวานที่ติดเชื้อโควิด 19 พบว่าฤทธิ์ของไวรัส จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดผันผวนและควบคุมได้ยาก และเกิดภาวะแทรกซ้อนสูงกว่าคนที่ไม่ได้เป็นโรคเบาหวานถึง 2 เท่าตัว และยังมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่า 3 เท่าตัว เมื่อผู้ป่วยเบาหวานได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว หลังฉีดอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นชั่วคราวได้ ไม่ต้องตกใจ หรือเป็นกังวล เนื่องจากเป็นกลไกการทำงานของภูมิต้านทานโรคโดยทั่วไป   
 
            ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานทุกคน ดูแลป้องกันตนเอง ดังนี้ 
1.สวมหน้ากากอนามัย 100% ล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์บ่อยๆ 
2. หลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านหรือเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล  
3.รับประทานยารักษาเบาหวานภายใต้การดูแลของแพทย์  
4.หากมีอาการไข้สูง ไอ จาม หรือหายใจลำบาก ควรรีบพบแพทย์  และ 
5.หมั่นดูแลสุขภาพให้แข็งแรง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดอาหารหวาน มัน เค็ม และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ 

คำถาม การควบคุมระดับน้ำตาลให้ดีมีความสำคัญต่อความรุนแรง COVID-19 หรือไม่

คำตอบ ระดับน้ำตาลในเลือดสูงมีความสัมพันธ์กับอัตราการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นในผู้เป็นเบาหวานที่มีการติดเชื้อ การศึกษาในห้องปฏิบัติการพบว่าระดับน้ำตาลที่สูงจะเพิ่มการแบ่งตัวของไวรัส และกดการทำงานของภูมิตุ้มกัน และพบว่าระดับน้ำตาลในเลือดสูงจะสัมพันธ์กับอัตราการเสียชีวิต
 
ผู้เป็นเบาหวานถ้าหากขาดยา หรือขาดการออกกำลังกาย ไม่ควบคุมอาหาร หรือมีความเครียดทางจิตใจ ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง หากติดเชื้อจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาการที่รุนแรงได้   ดังนั้นผู้เป็นเบาหวานจึงควรควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ดี ดูแลร่างกายให้แข็งแรงและผ่อนคลายจิตใจให้มีสุขภาวะที่ดี โดยเฉพาะในช่วงที่มีการโรคระบาดของ COVID-19
 

คำแนะนำการวินิจฉัยเบาหวานในหญิงตั้งครรภ์ ยุคโควิด

จาก european journal of endocrinology การคัดกรองเบาหวานในหญิงตั้งครรภ์ด้วยการทดสอบความทนกลูโคส กินน้ำตาล 75-100 กรัม อาจเพิ่มความเสี่ยง ทั้งต่อหญิงท้องที่มารพ และเสี่ยงต่อบุคลากรทางการแพทย์ ดังนั้น ควรพิจารณา เป็นราย ด้วยความรอบคอบ โดยอาจเลี่ยงไปใช้การเจาะเลือด HbA1c and plasma glucose ในการวินิจฉัยแทน
 
อย่างไรก็ดี ความเห็นจาก ผู้เชี่ยวชาญด้านเบาหวาน ศ คลินิค นพ. ชัญชาญ ดีโรจนวงศ์ 
 
ท่านให้ความเห็นว่า ไม่เห็นด้วยกับ recommend ดังกล่าว เพราะว่า
1. FBS ควรตัดที่ 92mg/dL ตาม IADPSG หรือ WHO guideline
2. HbA1c จาก HAPO study ไม่ sensitive และ specific for Dx GDM
3. RPG ที่กำหนด ไม่มีการศึกษาที่ยืนยัน

ข้อมูล : สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย
www.dmthai.org
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด