News ข่าวสุขภาพ ข่าวโควิด บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
แพคเกจสุขภาพ
ตำแหน่งงาน น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com
กรมวิทย์ฯ เผยผลทดสอบภูมิคุ้มกันจากวัคซีน ต่อสายพันธุ์โอมิครอน BA.1 และ BA.2 HealthServ.net
กรมวิทย์ฯ เผยผลทดสอบภูมิคุ้มกันจากวัคซีน ต่อสายพันธุ์โอมิครอน BA.1 และ BA.2 HealthServ.net

กรมวิทย์ฯ ติดตามภูมิคุ้มกันในคนที่ได้รับ “วัคซีน 2 เข็ม และวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3” ต่อไวรัสจริงสายพันธุ์โอมิครอน BA.1 และ BA.2

 
 
 นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า จากการติดตามไวรัส SARS-CoV-2 ตั้งแต่ปี 2564 พบว่าไวรัสมีการกลายพันธุ์ตลอดเวลา กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ติดตามสถานการณ์ไวรัสกลายพันธุ์โดยการตรวจหาจีโนมของไวรัสและรายงานให้รับทราบเป็นระยะๆ ในขณะเดียวกันกรมฯได้เพาะเลี้ยงไวรัสกลายพันธุ์และเพิ่มจำนวนในเซลล์เพาะเลี้ยงเพื่อนำมาใช้ทดสอบหาภูมิคุ้มกันแบบลบล้างฤทธิ์ในคนที่ได้รับวัคซีนโควิด19 จนถึงต้นปี 2565 มีการตรวจพบไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนในเมืองไทยเป็นสายพันธุ์ย่อย (subtype) BA.1 และต่อมามีการเปลี่ยนแปลงเป็นสายพันธุ์ย่อย BA.2 ซึ่งพบมีการระบาดในประเทศไทยเกือบ 90%

ในขณะที่ประเทศไทย ณ.วันที่ 4 เมษายน 2565 มีประชากรไทยฉีดวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็มประมาณ 76% และได้รับวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 ประมาณ 35.6% แต่ยังพบการติดเชื้อและการเสียชีวิตซึ่งคนติดเชื้อไวรัสโอมิครอนส่วนใหญ่ไม่มีอาการรุนแรงและสามารถหายเองได้ แสดงว่าภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นในคนที่ได้รับวัคซีนโควิด 19 มีส่วนช่วยป้องกันการติดเชื้อหรือช่วยให้การติดเชื้อไม่แสดงอาการที่รุนแรงจนต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล
 
 
กรมวิทย์ฯ เผยผลทดสอบภูมิคุ้มกันจากวัคซีน ต่อสายพันธุ์โอมิครอน BA.1 และ BA.2 HealthServ


 จากข้อมูลข้างต้นนายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ได้ให้ความสำคัญต่อการติดตามคนที่ได้รับวัคซีน 2 เข็มและวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 ในรูปแบบต่างๆ กันร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล เพื่อดูภูมิคุ้มกันแบบลบล้างฤทธิ์ต่อไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.1 เทียบกับ BA.2  ในขณะเดียวกันได้ติดตามคนที่ได้รับวัคซีน 2 เข็ม นาน 1 เดือนและ3 เข็ม นาน 3 เดือนเพื่อดูภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์ย่อย BA.2 โดยวิธีมาตรฐานคือวิธี Plaque Reduction Neutralization Test (PRNT) เพื่อหาค่าที่ไวรัสโอมิครอนถูกทำลาย 50% (Neutralizing Titer 50%, NT50) โดยแอนติบอดีหรือภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นหลังฉีดวัคซีน 

ผลการศึกษาใน 9 กลุ่ม อาสาสมัครกลุ่มละ 7-10 คน หลังได้รับวัคซีนเข็ม 2 และ เข็ม 3 กระตุ้น นาน 2 สัปดาห์เปรียบเทียบผลการลบล้างฤทธิ์ไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.1 และ BA.2 ในกลุ่มที่ได้รับวัคซีน 2 เข็มครบโดส5 กลุ่มคือ

1) SV-AZ 
2) AZ-AZ 
3) Pf-Pf 
4) SV-Pf และ
5) AZ-Pf

(SV = Sinovac vaccine, AZ = AstraZeneca vaccine, Pf = Pfizer vaccine)

และในกลุ่มที่ได้รับเข็ม 3 เป็นเข็มกระตุ้นใน 5 กลุ่มคือ

1) SV-SV-AZ 
2) SV-SV-Pf 
3) AZ-AZ-Pf 
4) SV-AZ-Pf  และ
5) SV-AZ-AZ


พบว่าภูมิคุ้มกันเฉลี่ยที่เกิดขึ้นต่อไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 สูงกว่า BA.1 ในทุกกลุ่มโดยในกลุ่มที่ได้รับวัคซีน AZ หรือ Pf เข็มที่ 2 จะให้ระดับภูมิคุ้มกันสูงต่อโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2ยกเว้นในกลุ่มที่ได้รับ SV-AZภูมิคุ้มกันเฉลี่ยอยู่ในระดับต่ำ แต่เมื่อกระตุ้นด้วยเข็ม 3 (SV-AZ-AZ) ภูมิคุ้มกันเฉลี่ยสูงขึ้นทั้งต่อไวรัสสายพันธุ์ย่อย BA.1 และ BA.2 และสูงขึ้นตามลำดับในกลุ่มที่ได้รับเข็ม 3 Pf  (SV-SV-Pf, AZ-AZ-Pf, SV-AZ-Pf) และ AZ (SV-SV-AZ, SV-AZ-AZ) แสดงให้เห็นว่าการกระตุ้นด้วยเข็ม 3 ทำให้ภูมิคุ้มกันแบบลบล้างฤทธิ์สูงขึ้นต่อทั้ง 2 สายพันธุ์ย่อยหลัง 2 สัปดาห์ (รูปที่ 1)
 
 
 
 
กรมวิทย์ฯ เผยผลทดสอบภูมิคุ้มกันจากวัคซีน ต่อสายพันธุ์โอมิครอน BA.1 และ BA.2 HealthServ


 นอกจากนี้อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่าเมื่อติดตามดูกลุ่มที่ได้รับวัคซีน 2 เข็มเท่านั้นนาน 4 สัปดาห์หลังเข็ม 2 ในกลุ่มหลักที่ได้รับวัคซีน SV-SV และ AZ-AZ พบว่าภูมิคุ้มกันเฉลี่ยที่เกิดขึ้นต่อสายพันธุ์ย่อย BA.2 ลดลงอย่างมากซึ่งไม่เพียงพอต่อการป้องกันการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ย่อยBA.2(รูปที่ 2)
 
 
ส่วนการติดตามหลังการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 นาน 3 เดือนในกลุ่ม SV-SV-AZ และ SV-SV-Pf พบว่าภูมิคุ้มกันเฉลี่ยต่อสายพันธุ์ BA.2 ลดลงแต่ยังอยู่ในระดับสูงเพียงพอต่อการป้องกันการติดเชื้อรุนแรงได้(รูปที่ 3)
 
 
จากข้อมูลเบื้องต้นนี้จะเห็นได้ว่าผู้ที่ได้รับวัคซีน 2 เข็มหรือ 3 เข็มกระตุ้นจะมีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสโอมิครอน BA.2 สูงกว่า BA.1 และผู้ได้รับวัคซีนเพียง 2 เข็ม นาน 1 เดือน ควรได้รับเข็มกระตุ้นเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน โดยวัคซีนทุกสูตรเมื่อครบ 2 โดสแล้วควรกระตุ้นเข็มที่ 3 ด้วย Pf หรือ AZ ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นสามารถลบล้างฤทธิ์ไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 ได้เพิ่มขึ้นและป้องกันการเกิดโควิด 19 ได้ดีกว่าการได้รับเพียง 2 เข็ม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการช่วยลดการนอนโรงพยาบาล การเกิดความรุนแรงถึงปอดอักเสบ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จึงขอแนะนำให้ฉีดเข็มกระตุ้น (booster dose)โดยเร็วในคนที่ได้รับวัคซีนเพียง 2 เข็มนอกจากนั้นจะติดตามประสิทธิภาพของวัคซีนเพื่อสร้างความมั่นใจต่อการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 ในประเทศเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการวางแผนการให้วัคซีนที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุดแก่ประชาชนต่อไป
 
 
โดย สถาบันชีววัตถุ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
กรมวิทย์ฯ เผยผลทดสอบภูมิคุ้มกันจากวัคซีน ต่อสายพันธุ์โอมิครอน BA.1 และ BA.2 HealthServ
กรมวิทย์ฯ เผยผลทดสอบภูมิคุ้มกันจากวัคซีน ต่อสายพันธุ์โอมิครอน BA.1 และ BA.2 HealthServ
กรมวิทย์ฯ เผยผลทดสอบภูมิคุ้มกันจากวัคซีน ต่อสายพันธุ์โอมิครอน BA.1 และ BA.2 HealthServ
กรมวิทย์ฯ เผยผลทดสอบภูมิคุ้มกันจากวัคซีน ต่อสายพันธุ์โอมิครอน BA.1 และ BA.2 HealthServ

ข่าว/บทความล่าสุด

เนื้อหามีผู้อ่านล่าสุด

ตรวจสอบรายชื่อแพทย์

ตรวจสอบรายชื่อแพทย์ เลขที่ใบอนุญาต สถานพยาบาล

ติดตามข้อมูลข่าวสาร บริการ ด้านสุขภาพในทุกมิติ
เพิ่มเราเป็นเพื่อนทาง @healthserv

เพิ่มเพื่อน @healthserv
เพิ่มเพื่อน @healthserv
https://lin.ee/WSunSYA

โปรดเข้าใจว่า HealthServ.net ไม่ได้เป็นสถานพยาบาล ไม่ได้เป็นผู้ให้บริการวิชาชีพด้านแพทย์ใดๆ จึงไม่สามารถให้คำปรึกษาในด้านการแพทย์ การรักษาใดๆ ได้ในทุกๆ กรณี - HealthServ.net เป็นสื่อที่เสนอเนื้อหาด้านสุขภาพ ได้แก่ บทความ ข่าวสาร รวมถึง ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับแพคเกจ/บริการจาก รพ./สถานพยาบาล/ผู้ให้บริการต่างๆ ในประเทศไทย เท่านั้น รายละเอียดเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับบริการ-ราคา-เงื่อนไข-วิธีการบริการ โปรดสอบถามไปยังรพ./สถานพยาบาล/ผู้ให้บริการนั้นๆ โดยตรง