สำหรับประเทศไทย ทราบไหมว่าผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครตั้งแต่ปี 2549 ได้พยายามส่งเสริมให้อาคารต่าง ๆ สร้างที่จอดรถสาธารณะเพื่อรองรับความต้องการของประชาชน โดยใช้มาตรการสร้างแรงจูงใจว่าในรัศมี 500 เมตรจากสถานีรถไฟฟ้า ถ้าอาคารหลังใดสร้างที่จอดรถสาธารณะให้ประชาชนนำรถยนต์มาจอดได้ฟรี จะสามารถสร้างพื้นที่อาคารได้เพิ่มเติมกว่าที่กฎหมายกำหนดได้อีก 30 ตารางเมตร ต่อที่จอดรถ 1 คันที่สร้างเพิ่มให้จอดฟรี (แต่ไม่เกิน 20% ของขนาดพื้นที่มากที่สุดตามที่กฎหมายกำหนดไว้) โดยมีเป้าหมายอยู่ที่สถานีชานเมือง 8 สถานี ได้แก่ สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย สถานีอ่อนนุช สถานีลาดกระบัง สถานีหัวหมาก สถานีบางบำหรุ สถานีตลิ่งชัน สถานีอุดมสุข และสถานีแบริ่ง แต่น่าเสียดายว่ามาตรการนี้ออกมาใช้เป็นเวลาสิบกว่าปีแล้ว ยังไม่มีอาคารใดยื่นขอรับมาตรการดังกล่าวเลย จากการพูดคุยกับบริษัทพัฒนาที่ดินทั้งหลายต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เขาไม่ต้องการให้ใครมาใช้พื้นที่ของเขาฟรี ๆ โดยที่เขายังต้องรับผิดชอบความปลอดภัยต่าง ๆ อีกด้วย นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2561 คณะรัฐมนตรีก็ได้มีการสั่งการเร่งรัดแผนการก่อสร้าที่จอดรถใต้ดินในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และพิจารณาความเป็นไปได้ในการให้เอกชนร่วมลงทุนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณที่มีรถยนต์และประชาชนสัญจรเป็นจำนวนมาก เช่น ศูนย์การค้า สถานีรถไฟฟ้า สถานที่ราชการ สถานศึกษา เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า นโยบายเรื่องที่จอดรถยนต์ของประเทศไทยกับต่างประเทศแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เมืองสำคัญต่าง ๆ ในโลกพยายามสร้างพื้นที่ศูนย์กลางเมืองที่เป็นมิตรกับมนุษย์มากกว่ารถยนต์ จึงลดที่จอดรถสาธารณะบนพื้นผิวการจราจรลง ย้ายที่จอดรถไปอยู่ในอาคารมากขึ้น แต่สำหรับกรุงเทพมหานคร ยังมีถนนสาธารณะที่สามารถจอดรถยนต์โดยเสียค่าจอดให้กับ กทม. อยู่ถึง 66 เส้นทาง ส่วนถนนอื่น ๆ ก็ยังจอดได้โดยอิสระ เว้นแต่บริเวณที่ห้ามจอดรถเท่านั้น ทางเท้าและทางจักรยานที่ดี รวมถึงการมีพื้นที่เมืองที่เป็นมิตรกับมนุษย์จึงยังห่างไกลจากความเป็นจริงอยู่มากทีเดียว
ดร.พนิต ภู่จินดา
บทความนี้เผยแพร่บนเว็บไซด์ Rabbit Today เมื่อปี 2019