ได้ฟังทุกท่านก็เห็นด้วยที่ว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด จำได้ว่าก่อนที่เราจะเห็นปรากฏการณ์วันนี้ ก็มีการพูดคุยกันเรื่องการกำหนดว่าอะไรเป็นยาเสพติด การกำหนดว่าอะไรเป็นยาเสพติดบ้างนั้น ตามอนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ไม่เคยกำหนดให้ใบ ก้าน ลำต้น ราก เป็นยาเสพติด ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในโลกที่กำหนดให้ทุกส่วนในกัญชาเป็นยาเสพติดทั้งหมด เพื่อง่ายต่อการจัดการในสมัยก่อน ปรากฏการณ์ที่เห็นในวันนี้ที่มีการใช้ใบ ก้าน ราก มาปรุงอาหาร ไม่ใช่ว่าเราก้าวหน้า แต่ตามหลังสิ่งที่อนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษกำหนด และปรากฏการณ์นี้เป็นปรากฏการณ์ที่อยู่กับเรามาหลายสิบปี การที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศให้ทุกส่วน ยกเว้นช่อดอก เป็นยาเสพติด แม้ว่าจะไม่ได้ดั่งใจทั้งหมด แต่นับว่าก้าวหน้าที่สุดในรอบหลายสิบ ต้องปรบมือให้
แต่ประการที่สอง นับแต่ประกาศว่า นับแต่นี้ เฉพาะช่อดอก ที่เป็นยาเสพติด คำถามตามมาว่า ต้นไม้ไม่ได้มีแค่ใบ ก้าน ลำต้น ราก ไม่สามารถยับยั้งดอกได้ กฏหมายจึงกำหนดว่าจะต้องเป็นต้นที่ถูกต้องตามกฏหมาย วันนี้ที่ซื้อใบ ก้าน ลำต้น ไปประจำร้านอาหาร คำถามคือ เรารู้หรือไม่ว่า ในร้านอาหารนี่ ใบไหนมาจากต้นที่ถูกต้องตามกฏหมาย และใบไหนไม่ใช่ ที่ตั้งคำถามนี้เพื่อชวนคิดว่า ถ้าคิดว่าใบ ก้าน ลำต้น นั้นไม่ผิดกฏหมาย เราก็ไม่ควรไปควบคุมและตั้งคำถามว่ามันมาจากต้นที่ถูกกฏหมายหรือปล่าว เพราะสิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่ยาเสพติด
ประการถัดมาที่น่าสนใจและน่าเป็นห่วงเช่นเดียวกัน คือ มีความคิดของคนบางกลุ่ม ว่า คนจะเปิดร้านอาหารจะต้องฝึกอบรมเพื่อเรียนรู้ในการใช้ใบกัญชา ซึ่งผมอยากให้ข้อคิดว่า ไม่ขัดข้องถ้าจะมีการฝึกอบรม แต่ต้องไม่ใช่ใบอนุญาต "เพื่อมีสิทธิที่จะปรุงอาหารได้"
ถ้าเราเห็นตำรับอาหารของท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ จะรู้ว่ามีหนึ่งในตำรับอาหารตั้งแต่รัชกาลที่ 5 ไม่ใช่ใช้ปรุงเฉพาะยาเท่านั้น แต่ใช้ใบปรุงเป็นอาหาร การที่พูดถึงนำใบมาปรุงเป็นอาหาร แปลว่า ขนบวัฒนธรรมประเพณีไทย รู้ดีว่าจะจัดการกับมันอย่างไร เทียบเคียง การปรุงอาหารในเมนูนั้น คือใช้ปลาไหลย่าง และมีการกำหนดว่าใช้ใบกัญชาเสมือนใบโหระพา นั่นหมายถึงว่าวิธีความคิดในการปรุงอาหารของคนสมัยก่อน เขาไม่ได้คิดเรื่องใช้เป็นอาหารหลักจากกัญชา แต่ใช้กัญชาเป็นส่วนประกอบอาหารให้อร่อยขึ้น ละมุนขึ้น เปรียบเสมือนผงชูรสแบบธรรมชาติ ทีนี้หากมีความคิดว่าใครก็ตามที่จะประกอบอาหารได้จะต้องผ่านการฝึกอบรม มันก็จะใช้ตรรกะเดียวกันว่า ร้านขายแอลกอฮอล์จะต้องผ่านการฝึกอบรมมั๊ย คนจะดื่มเหล้าจะต้องผ่านการฝึกอบรมมั๊ย คนจะสูบบุหรี่ต้องผ่านการฝึกอบรมมั๊ย มันทำไม่ได้ และอยากจะบอกว่ารสอาหารเป็นเรื่องของศิลปะ ไม่มีทางที่ภาครัฐจะเก่งกว่าภาคเอกชน อย่าว่าแต่รสเมาและเย็นเลย แม้แต่รสเผ็ด แต่ละคนก็รับการเผ็ดได้ไม่เท่ากัน รสหวานที่เป็นโทษต่อร่างกาย ก็รับได้ไม่เท่ากัน ทำไมเราไม่ฝึกอบรมรสหวาน รสเค็ม รสเผ็ด ด้วยล่ะ ถ้ามันเป็นปัญหา เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าเราคิดว่ามันไม่ใช่ยาเสพติด ผมคิดว่าสิ่งที่เราต้องกระทำ ก็คือปลดล็อกมันอย่างสมบูรณ์ ไม่ต้องมีอุปสรรคอีกต่อไป