ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

เปิดแนวโน้ม กัญชา ตลาดนี้ไปต่ออย่างไร

เปิดแนวโน้ม กัญชา ตลาดนี้ไปต่ออย่างไร HealthServ.net
เปิดแนวโน้ม กัญชา ตลาดนี้ไปต่ออย่างไร ThumbMobile HealthServ.net

เปิดแนวโน้ม กัญชา ตลาดนี้ไปต่ออย่างไร

เปิดแนวโน้ม กัญชา ตลาดนี้ไปต่ออย่างไร HealthServ

นโยบายส่งเสริมพืชเศรษฐกิจอย่าง "กัญชา" ของรัฐบาลไทย เป็นรูปธรรมชัดเจนขึ้นมาก หลังจากกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกระทรวง เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ที่ปลดล็อกให้ทุกส่วนของกัญชาและกัญชงไม่เป็นยาเสพติด ยกเว้น ช่อดอก ใบที่ติดกับช่อดอก และเมล็ดกัญชาเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2563

 
โดยส่วนต่างๆ ของ ‘กัญชา’ ที่ไม่จัดเป็นยาเสพติด ได้แก่ เปลือก ลำต้น เส้นใย กิ่งก้าน ราก ใบ ซึ่งไม่มียอดหรือช่อดอกติดมาด้วย สารสกัด CBD ที่มี THC ไม่เกินร้อยละ 0.2% และกากที่เหลือจากการสกัดกัญชา ซึ่งต้องมี THC ไม่เกิน 0.2%
 
ขณะที่ส่วนต่างๆ ของ ‘กัญชง’ ที่ไม่จัดเป็นยาเสพติด ได้แก่ เปลือก ลำต้น เส้นใย กิ่งก้าน ราก ใบ ซึ่งไม่มียอดหรือช่อดอกติดมาด้วย สารสกัด CBD ที่มี THC ไม่เกิน 0.2% เมล็ด น้ำมันหรือสารสกัดจากเมล็ด และกากที่เหลือจากการสกัดกัญชง ซึ่งต้องมี THC ไม่เกิน 0.2%
 
เท่ากับว่าเป็นการคลายล็อกให้ประชาชนและเอกชน สามารถใช้ประโยชน์จากส่วนเหล่านี้ของกัญชาและกัญชงได้ แต่มีข้อกำหนดว่าต้องได้มาจากสถานที่ปลูกหรือผลิตในประเทศ และได้รับอนุญาตแล้วเท่านั้น ส่วนกรณีการนำเข้าสามารถนำเข้าได้ โดยขออนุญาตเป็นยาเสพติด ยกเว้นเปลือกแห้ง แกนลำต้นแห้ง และเส้นใยแห้ง ได้รับการยกเว้นไม่เป็นยาเสพติดตามประกาศนี้
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขระบุว่าประชาชนตั้งแต่  7 คนขึ้นไป สามารถรวมกลุ่มตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อป้องกันการนำเอาไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง ทำสัญญาร่วมโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) หรือหน่วยงานภาครัฐ หรือหน่วยงานสาธารณสุข
 
ซึ่งเป็นไปตามโมเดลต้นแบบ “โนนมาลัยโมเดล” อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ที่วิสาหกิจชุมชนปลูกกัญชาครัวเรือนละ 6 ต้น นำผลผลิตส่งโรงพยาบาลเพื่อนำไปแปรรูปสร้างรายได้  
 
อีกด้านหนึ่งทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมวิชาการเกษตร ผู้ดูแลต้นน้ำการผลิต ก็ได้ขึ้นทะเบียน ‘กัญชาพันธุ์อิสระ 01’ ซึ่งพัฒนาคัดเลือกพันธุ์โดยกรมการแพทย์ กรมวิชาการเกษตร และมูลนิธิวนเกษตรอินทรีย์ โดยสำนักคุ้มครองพันธุ์พืชได้ตรวจสอบเอกสารและลักษณะประจำพันธุ์เบื้องต้นของพืชดังกล่าวตามหลักวิชาการเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา
 
กัญชาพันธุ์อิสระ 01 ได้มาจากการพัฒนาคัดเลือกกลุ่มประชากรกัญชาสายพันธุ์ไทยที่ปลูกอยู่ในเขตพื้นที่ภาคเหนือ ระยะเวลาในการดำเนินการปรับปรุงพันธุ์ประมาณ 24 ปี จึงได้ตั้งชื่อพันธุ์นี้เพื่อสื่อความหมายถึงกัญชาสายพันธุ์ดีของประเทศไทยที่มีสาร Cannabinoid (CBD) ซึ่งมีสรรพคุณทางยา ได้รับการปลดปล่อยให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้
 
และทันทีที่นโยบายส่งเสริมพืชเศรษฐกิจตัวใหม่เป็นรูปเป็นร่าง ผู้ประกอบการในธุรกิจต่างๆ ได้ประกาศนโยบายขานรับทันที่ โดยเฉพาะกลุ่ม บจ. กว่า 10 บริษัท ทั้งด้านเกษตร อาหาร เครื่องดื่ม ต่างแสดงความสนใจในประเด็นดังกล่าว 
 
อย่างไรก็ตาม การเพาะปลูกกัญชาจะต้องใช้เวลาประมาณ 4-5 เดือน จึงคาดว่าจะสามารถเก็บผลผลิตมาสกัดน้ำมัน CBD หรือในช่วงไตรมาส 4 ปี 2564 แต่ก็นับว่านี่เป็นการจุดประกายสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งจะสามารถต่อยอดไปผลิตเป็นสินค้าส่งออกในอนาคต
 
โดยมีตัวเลขการคาดการณ์จากข้อมูลสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ว่า แนวโน้มตลาดกัญชาและกัญชงจะมีมูลค่ากว่า 1.03 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2567 และปัจจุบันมีประเทศที่ปลดล็อกกัญชาทั้งหมดและปลดล็อกบางส่วนรวม 69 ประเทศ จาก 193 ประเทศทั่วโลก คิดเป็นสัดส่วน 36% ของประเทศ หรือประมาณ 1 ใน 3 ของโลกเลยทีเดียว
 
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ส่งออกยังต้องศึกษากฎระเบียบการส่งออกของแต่ละประเทศ ซึ่งยังมีข้อกำหนดที่แตกต่างกัน อาจจะใช้เพื่อทางการแพทย์ หรือสันทนาการ มีทั้งที่เปิดเสรีและปลดล็อกแบบมีเงื่อนไข เช่นเดียวกับไทยหรือบางประเทศมีกฎระเบียบที่แตกต่างกันในแต่ละเมืองและแต่ละรัฐ หากไทยสามารถปฏิบัติได้ก็ย่อมจะสร้างโอกาสทางธุรกิจในอนาคต

SME Update
17/03/2021
เปิดแนวโน้ม กัญชา ตลาดนี้ไปต่ออย่างไร HealthServ
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด