ถามตรงประเด็นจากบทสัมภาษณ์ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดี สถาบันแพทย์บูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย ม.รังสิต ในรายการ
กัญชาไทย…ใครได้ ? : Big Story เรื่องใหญ่ Thai PBS โดยหนึ่งในประเด็นสำคัญต่อเรื่องกัญชาทางการแพทย์ในประเทศไทย ต่อข้อถามที่ว่า พบว่ามีปัญหาเกิดขึ้นกับเกษตรกรจำนวนมากที่ไปปลูกกัญชาแต่พบความจริงว่า ยังไม่มีการเปิดเสรี หรือว่าไม่สามารถนำประโยชน์จากกัญชาไปใช้ได้จริงๆ นั้น เป็นอย่างไร
สถานการณ์ตอนนี้ก็ต้องยอมรับว่าปัญหาที่แท้จริงตอนนี้ มันไม่เสรีทางการแพทย์จริง
อ.ปานเทพ ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า
"กัญชาในเวลานี้ ยังไม่เสรีทางการแพทย์ จะเอาหลักการก่อน ไม่ต้องพูดถึงสันทนาการเรื่องอาหาร เหตุผลเพราะว่า คำว่าเสรีทางการแพทย์ หมายถึงว่า แพทย์ผู้มีใบประกอบวิชาชีพโรคศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทย ทันตแพทย์ หรือว่าสัตวแพทย์ ก็ตาม คนเหล่านี้มีใบประกอบวิชาชีพของตนเอง ถ้าสมมุติว่าคนเหล่านี้ยังไม่สามารถจ่ายได้ตามวิจารณญาณของตนเองและตำรับของตัวเอง นั่นหมายถึงว่า ยังไม่เสรีทางการแพทย์อย่างแท้จริง"
ในมุมมองของนักวิชาการแล้วให้ความเห็นว่า
- รัฐผูกขาด เช่น เรื่องการใช้ทางการแพทย์ถูกบังคับให้ใช้ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดเฉพาะโรคเท่านั้น ไม่ใช่การใช้ตามดุลพินิจของวิชาชีพการแพทย์
- ไม่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน
แนวทางการเปิดเสรีทางการแพทย์ คือ การให้โรงพยาบาล คลินิก ต้องสามารถทำ MOU กับเกษตรกรเพื่อส่งวัตถุดิบให้กับหน่วยงานทางการแพทย์ภาคเอกชนผลิตตำรับยา ภายใต้การบันทึกของหน่วยงานรัฐ
โดยธรรมชาติ กัญชาจึงเป็นคู่แข่งของยาหลายชนิดในโรงพยาบาลภาครัฐเอง ต่างจากเอกชนที่เขาอยากจะได้รับลูกค้าเยอะๆ เพราะทำธุรกิจอยู่
เพื่อก้าวไปสู่การเปิดเสรีทางการแพทย์ ต้องปลดล็อค 2 เงื่อนไขคือ
1. อย่าล็อคตำรับและวิธีการใช้ ปล่อยให้เป็นดุลยพินิจของแพทย์ ถ้าแพทย์คนไหน ทำผิดวัตถุประสงค์ปล่อยวิชาชีพเขายึดใบประกอบวิชาชีพโรคศิลปะได้
2. ต้องอย่ายึดกับเรื่องภาครัฐ ต้องปล่อยเสรีทางการแพทย์ในภาคเอกชนที่เขาต้องการจะใช้ ภาครัฐไม่ต้องการจะใช้ ก็ไม่ต้องใช้
วิจัยควบคู่การผลิตและการตลาด
ด้านหน่วยงานที่พัฒนาการใช้สมุนไพรกัญชามาตั้งแต่เริ่มอย่างรพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว
หัวหน้าศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์ด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร ได้ให้ความเห็นไว้ว่า
"ตัวสมุนไพร ถ้าเราทำวิจัยตลอดแบบตั้งแต่ต้นทาง คุณภาพวัตถุดิบควรเป็นยังไง กลางทางคนทำผลิตภัณฑ์ในรูปแบบอะไร สกัดอย่างไร แล้วก็ไปใช้ในโรคอะไรได้ผล ถ้าเราทำแบบนี้อย่างต่อเนื่อง เราก็จะทำให้เราสามารถที่จะส่งเสริมเกษตรกรได้ตรงจุด ไม่ใช่แบบปลูกไปเอาไม่มีตลาด ไม่รู้เอาไปทำอะไร"