ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

รู้จัก 2 ผู้ก่อตั้ง BioNTech - Türeci และ Şahin ผู้เปลี่ยนโลกด้วยเทคโนโลยี mRNA

รู้จัก 2 ผู้ก่อตั้ง BioNTech - Türeci และ Şahin ผู้เปลี่ยนโลกด้วยเทคโนโลยี mRNA HealthServ.net
รู้จัก 2 ผู้ก่อตั้ง BioNTech - Türeci และ Şahin ผู้เปลี่ยนโลกด้วยเทคโนโลยี mRNA ThumbMobile HealthServ.net

บทสัมภาษณ์ที่ให้แก่หนังสือพิมพ์เยอรมัน Spiegel ภาวะการขาดแคลนวัคซีนทั่วโลก วัคซีนเด็ก และ 60 วันอันตรายของยุโรป

รู้จัก 2 ผู้ก่อตั้ง BioNTech - Türeci และ Şahin ผู้เปลี่ยนโลกด้วยเทคโนโลยี mRNA HealthServ

บทสัมภาษณ์ผู้ก่อตั้ง BioNTech - Türeci และ Şahin ที่ให้แก่หนังสือพิมพ์เยอรมัน Spiegel ภาวะการขาดแคลนวัคซีนทั่วโลก วัคซีนเด็ก และ 60 วันอันตรายของยุโรป  

 
นี่เป็นหนึ่งในบทสัมภาษณ์ของ 2 สามีภรรยาผู้ก่อตั้ง Biontech (ไบออนเทค) ที่ให้กับหนังสือพิมพ์ Spiegel ของเยอรมัน และเรียกว่า ให้สัมภาษณ์ได้ค่อนข้างจะครบทุกสถานการณ์ที่คนสงสัยกันแหละ ซึ่งส่วนตัวผม (ผู้แปล) ก็มองว่า เค้าก็ตอบแบบแพทย์ / นักวิทยาศาสตร์นั่นแหละ ไม่ใช่แบบนักธุรกิจ (2 คนนี้เป็นแพทย์นะครับ ส่วนตัวผมน่ะชอบคนภรรยาเวลาแกสัมภาษณ์สด พูดจาน่าเชื่อถือมากไม่ว่าจะภาษาไหน)  และที่สำคัญ เค้าก็พูดออกมาอย่างชัดเจนแล้วว่า ภาวะขาดแคลนวัคซีนปี 2022 ยังไงก็จบครับ เช่นเดียวกับว่า ตอนนี้กำลังจะยื่นขออนุมัติวัคซีนเด็กช่วงอายุ 5-11 ปีแล้ว และต่อไปก็คงจะลดอายุลงไปถึงทารก รวมถึงการกำลังจะก่อตั้งโรงงานผลิต (อย่างน้อยก็บางขั้นตอนการผลิต) ซึ่งรอบนี้ผมไม่ได้เขียนเองเลยครับ แปลให้ตรงๆ เลย ซึ่งรับรองว่า เป็นบทสัมภาษณ์ที่หาได้ยากมากจริงๆ เริ่มต้น Weekend กันแบบนี้ ผมเองก็จะได้พักช่วงเสาร์-อาทิตย์ได้อย่างสบายใจเต็มที่ไม่ต้องกังวลอะไร หวังว่าจะถูกใจกันไม่มากก็น้อยนะครับ ถูกใจก็แชร์กันได้โลดไม่ต้องขอเลยเน้อ  ขอตัวพักยาวล่ะครับ Euch ein schönes Wochenende / Have a nice weekend! 
​ 
 

SPIEGEL: คุณ Türeci คุณ Şahin ปีที่แล้ว โลกยังไม่รู้เลยว่า ต่อไปจะมีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพออกมา ​ ตอนนี้ชาวเยอรมันกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ได้รับการฉีดวัคซีนสองครั้งแล้ว โรคระบาดจะผ่านพ้นไปในฤดูใบไม้ผลิปีหน้าหรือไม่?​
Türeci: ขึ้นอยู่กับว่าคุณนิยามคำว่า "ผ่านพ้นไป" ยังไง เอาเป็นว่า เราพูดว่า ​ โควิด-19 จะสูญเสียความน่ากลัวไปจะดีกว่า​
Şahin: ในฤดูใบไม้ผลิ คนส่วนใหญ่ถ้าไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ก็คือผ่านการติดเชื้อไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เราก็เห็นในตอนนี้แล้วว่า ไวรัสกำลังสร้างกลไกการหลบหนีที่ช่วยให้สามารถแพร่เชื้อสู่คนได้ดีขึ้นและง่ายขึ้น นั่นแปลว่า เป็นไปได้ว่า อาจจะมีคลื่นระบาดอีกครั้ง ​ แต่การเจ็บป่วยในผู้ที่ได้รับวัคซีนและผู้ที่หายแล้วจะไม่รุนแรงอีกต่อไป​
 SPIEGEL: เราเคยมีความหวังกันมานานว่า เราจะสามารถฉีดวัคซีนให้พ้นจากการแพร่ระบาดโดยการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ภายในฤดูใบไม้ร่วง จริงๆแล้ว เราประเมินไวรัสต่ำไปหรือเปล่า?​
Şahin: ไม่ ​ ไวรัสยังคงแพร่กระจายไปเกือบจะเฉพาะในคนที่ไม่มีภูมิคุ้มกันเท่านั้น เราจะเผชิญกับการระบาดใหญ่ในกลุ่มผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า​
 SPIEGEL: ในหนังสือเล่มใหม่ของคุณ “Projekt Lightspeed” คุณเล่าถึง การที่คุณสามารถพัฒนาวัคซีนได้อย่างไรในระยะเวลาที่เรียกได้ว่า เร็วจนทำสถิติแบบที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ แบบนี้แล้ว คุณโกรธทุกคนที่ปฏิเสธการฉีดวัคซีนหรือเปล่า?​
Türeci: ไม่เลย ในฐานะแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ เรามีความเห็นว่า ทุกคนต้องตัดสินใจด้วยตัวเองว่าต้องการรับวัคซีนหรือไม่ ภารกิจของเราคือการจัดหาวัคซีน ผู้คนต้องสามารถตัดสินด้วยตนเองว่า การไม่ฉีดวัคซีนหมายความว่าอย่างไร​
 SPIEGEL: หากเราย้อนไปดูเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน เรียกได้ว่า ผู้คนแทบจะต้องมากราบกรานเพื่อขอวัคซีนจากคุณ และตอนนี้กลับกลายเป็นว่า วัคซีนมีจำนวนมากเกิน จนต้องถูกจัดเก็บไว้ ​ รัฐบาล(เยอรมัน)ควรทำอะไรมากกว่านี้มั้ย เพื่อให้แคมเปญการฉีดวัคซีนหยุดชะงักตัวแบบนี้?​
Sahin: สังคมของเรายังมีเวลาอีกประมาณ 60 วันในการหลีกเลี่ยงฤดูหนาวอันโหดร้าย เราควรจะทำสุดความสามารถเพื่อระดมคนให้ได้มากที่สุดในสองเดือนนี้มาฉีดวัคซีน และในควรจะทำในลักษณะที่ง่ายในทางปฏิบัติจริง ในไม่ช้าเราจะมีประชากรที่ฉีดวัคซีน 70% ​ แล้วเราจะทำอย่างไรให้คนอื่นเที่เหลือร่วมฉีดวัคซีนด้วย? มันอาจมีคำตอบมากมายสำหรับคำถามนี้ และทุกความคิดได้รับการเปิดกว้างในการยอมรับ ​
Türeci: ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนทุกคนนับว่ามีส่วนช่วยสังคมทั้งนั้น ยังไงเราก็ไม่ควรจะยอมแพ้​
 SPIEGEL: ตัวกลายพันธุ์เดลต้าแพร่เชื้อได้มากกว่าที่เคยกลัวในช่วงฤดูใบไม้ผลิเสียอีก แม้แต่วัคซีนของ Biontech ก็ยังมีปัญหากับการรับมือตัวกลายพันธุ์ตัวนี้มากกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้า​
Şahin: โชคดีที่เดลต้าไม่ใช่ซูเปอร์มิวแทนท์ที่แพร่เชื้อได้ง่ายกว่า และในขณะเดียวกันก็หลบเลี่ยงปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันไปเลย แม้ว่าตัวกลายพันธุ์นี้จะสามารถแพร่กระจายได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก แต่ยังคงตอบสนองต่อวัคซีนได้ดี​
 
รู้จัก 2 ผู้ก่อตั้ง BioNTech - Türeci และ Şahin ผู้เปลี่ยนโลกด้วยเทคโนโลยี mRNA HealthServ
 SPIEGEL: คำว่า “ดี” ในที่นี้หมายความว่ายังไงชัดๆ? ตอนนี้มีรายงานและข้อมูลการศึกษาที่ขัดแย้งกันเองออกมามากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประเทศอิสราเอล เกี่ยวกับระยะเวลาที่การป้องกันการฉีดวัคซีนและประสิทธิภาพของวัคซีนที่ลดลง​
Türeci: เรื่องนี้มันมีหลายอย่างที่ถูกนำมาปนกันไปหมด ​ ประการแรก: การป้องกันการติดเชื้อจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป แต่การป้องกันอากรรคร้ายแรงจะคงอยู่นานกว่า นี่คือการปกป้องภูมิคุ้มกันของ T-cell ซึ่งมีความทนทานมากกว่า และยังคงไม่มีข้อมูลการศึกษาจำนวนมากในเรื่องนี้นัก​
Şahin: ข้อเท็จจริงก็คือ เดลต้ามีลักษณะเฉพาะที่สามารถผลิตอนุภาคไวรัสได้เป็นจำนวนมากและผลิตขึ้นได้เร็วกว่าเดิม ​ นั่นส่งผลให้ร่างการจำเป็นต้องมีระดับแอนติบอดีที่สูงกว่าสำหรับไวรัสสายพันธุ์ดั้งเดิม ในเวลาเดียวกัน ปริมาณแอนติบอดีที่เกี่ยวข้องกับวัคซีนจะลดลงหลังจากผ่านไปประมาณหกเดือน และจริงๆแล้วจะยิ่งเร็วกว่านี้ด้วยหากการฉีดวัคซีนครั้งที่สองเกิดขึ้นหลังโดสแรกเพียง 3 สัปดาห์ ​ ซึ่งนี่เป็นข้อมูลจากอิสราเอล ​ เนื่องจากการรวมกันของปัจจัยเหล่านี้ ​ เราจึงเห็นการติดเชื้อแม้ได้รับวัคซีนครบที่อิสราเอล ​ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนในเดือนมกราคม ​ ส่วนในเยอรมนี เท่าที่ผมทราบ คนส่วนใหญ่ได้รับวัคซีน 2 โดสห่างกัน 6 สัปดาห์ ดังนั้นจึงเป็นที่คาดหวังว่า ภูมิป้องกันวัคซีนจะคงอยู่นานกว่านั้น​
Türeci: ข้อมูลการศึกษาปัจจุบันจากอังกฤษแสดงให้เห็นว่า การป้องกันการติดเชื้อยังแม้แต่จากตัวเดลต้า ยังคงอยู่ที่ ​ 74% ส่งผลให้วัคซีนกระตุ้น / การฉีดวัคซีนครั้งที่ 3 ต้องมาเร็วกว่าที่เราคาดไว้เล็กน้อย ​ ก่อนหน้าเดลต้าระบาดนั้น เราคาดว่า ระยะเวลา 12-18 เดือนจะเพียงพอ​

SPIEGEL: แสดงว่าคุณสนับสนุนการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ตอนนี้เลยใช่มั้ย?​
Şahin: ผมพูดแบบนี้แล้วกัน ​ ถ้าไม่ฉีดวัคซีนบูสเตอร์ เราก็จะไม่สามารถควบคุมเดลต้าได้ดีพอ​
 SPIEGEL: คณะกรรมการการฉีดวัคซีนของเยอรมัน (STIKO) ยังคงไม่ออกคำแนะนำให้ฉีดโดสที่ 3 เลย?​
Şahin: ผมคาดหวังว่า จะมีข้อมูลการศึกษาจำนวนมากในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าออกมา ซึ่งจะเป็นหลักฐานที่น่าเชื่อถือด้านสถิติว่า การฉีด Booster โดสที่ 3 นั้นสำคัญเพียงใด กระทรวงสาธารณสุขของอิสราเอลได้เผยแพร่ข้อมูลเบื้องต้นที่แสดงให้เห็นว่า ประสิทธิภาพการป้องกันการติดเชื้อไวรัสเดลต้าเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่มากกว่า 95% หลังการฉีดวัคซีนครั้งที่สาม​
 SPIEGEL: แล้วถ้าสมมติว่า ฉีดโดส 3 ไปแล้วก็ยังไม่ดีอีก ก็จะต้องฉีดวัคซีนครั้งที่ 4 ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าไหม?​
Türeci: เราคิดว่า เหจุการณ์นี้สามารถเกิดขึ้นได้ แต่จะทิ้งระยะเวลานานกว่ารอบนี้ ​ การให้วัคซีนครั้งที่ 3 นำไปสู่ปริมาณแอนติบอดีที่ขึ้นสูงมาก ซึ่งหมายความว่า น่าจะเท่ากับหรือสูงกว่าการให้วัคซีนครั้งที่สองด้วยซ้ำ​
 SPIEGEL: คุณเคยเห็นไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ที่แม้แต่วัคซีนกระตุ้น(ตัวเดียวกัน)ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ คือหมายถึงว่า มันจะส่งผลให้จำเป็นต้องทำการปรับวัคซีนตัวใหม่เพื่อมาจัดการหรือไม่?​
Türeci: ยังไม่มี แต่ยังไงเราก็ต้องคอยระแวดระวังอยู่เสมอ เพราะสิ่งที่อันตรายจริงๆ ก็คือ ​ การดำเนินการที่เร่งรีบในความสงบนี่ล่ะ​
 SPIEGEL: คุณหมายความว่ายังไง?​
Türeci: ดิฉันหมายถึง การที่จะตื่นตระหนกและทำการปรับแปลงการผลิดทั่วโลกโดยทันที ทุกครั้งที่มีตัวกลายพันธุ์ และยังไม่มีการประเมินความเสี่ยงโดยพิจารณาจากข้อมูล ​ นั่นคือเหตุผลที่ปัจจุบันมีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่มีหน้าที่คอยตรวจสอบความจำเป็นอย่างรอบคอบ หากมีการระบุตัวกลายพันธุ์ใหม่ว่า ดื้อต่อแอนติเจนของวัคซีนในปัจจุบันจริงๆ ​ วัคซีน mRNA จะสามารถปรับได้อย่างรวดเร็ว​
 
 SPIEGEL: ผู้ปกครองหลายคนกลัวว่า ​ อีกไม่นานอาจมีไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่อาจเป็นอันตรายต่อคนวัยรุ่นและเด็ก แถมยังมีความเสี่ยงต่อความเสียหายระยะยาว (Long Covid) เข้ามาอีก พวกเค้าสามารถคาดหวังว่า วัคซีนสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีจะออกมาสู่โลกได้เมื่อใด?​
Türeci: ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ​ เรากำลังจะนำเสนอผลการศึกษาของเราในกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปีต่อหน่วยงานที่รับผิดชอบทั่วโลก และจะทำการยื่นขออนุมัติวัคซีนสำหรับเด็กกลุ่มอายุนี้ ซึ่งแน่นอนว่า รวมทั้งที่นี่ในยุโรปด้วย ​ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนการรวบรวมข้อมูลอยู่ เช่นเดียวกับที่ภายในสิ้นปีนี้ เราคาดว่า เราจะมีข้อมูลของเด็กอายุตั้งแต่หกเดือนขึ้นไป​
 SPIEGEL: นั่นหมายความว่า เด็กอายุตั้งแต่ 5 ขวบสามารถฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมเป็นต้นไป?​
Türeci: มันนอกเหนือความสามารถของเรา เพราะเราไม่รู้ว่า ทางการจะให้การอนุมัติหรือไม่ และเร็วแค่ไหน ​ และก็ยิ่งคาดการไม่ได้ว่า ยังไม่ว่าคณะกรรมการการฉีดวัคซีน (ของเยอรมัน) จะทำการให้คำแนะนำการฉีดวัคซีนหรือไม่ ​
SPIEGEL: แต่คุณสามารถให้การประเมินเบื้องต้นว่า การศึกษาของเด็กเป็นอย่างไรได้หรือเปล่า? ยังไงเสีย คุณก็น่าจะได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลดิบแล้ว​
Şahin: ข้อมูลดูดี ทุกอย่างเป็นไปตามแผน​
Türeci: เรากำลังเตรียมการผลิตล่วงหน้าแล้ว ​ ซึ่งจริงๆแล้วก็เป็นวัคซีนตัวเดิม แต่ให้ปริมาณที่น้อยกว่า ซึ่งก็ส่งผลให้ปริมาณการบรรจุขวดก็น้อยลงไปด้วย​
SPIEGEL: นักวิจารณ์ออกมาเรียกร้องให้ชะลอการฉีดวัคซีนให้เด็กในประเทศอุตสาหกรรม และควรแจกจ่ายวัคซีนให้ทั่วทุกภูมิภาคของโลกที่แทบไม่มีคนได้รับการคุ้มครอง เช่น แอฟริกา ก่อน ​
Şahin: จำนวนวัคซีนไม่ได้เป็นปัจจัยที่เป็นข้อจำกัดอีกต่อไป จะมีวัคซีนเพียงพอสำหรับทุกคนทั่วโลกภายในปี 2022 เป็นอย่างช้า เราสามารถเพิ่มกำลังการผลิตของเราได้อย่างมหาศาล ปีนี้เราจะสามารถผลิตวัคซีนโดยใช้เครือข่ายของเราได้ถึง 3 พันล้านโดส ​ ​ และปีหน้า ถ้าจำเป็น ผมคิดว่า การผลิตวัคซีน 4-5 พันล้านโดสก็สามารถเป็นไปได้ ​ ผู้ผลิตวัคซีนรายอื่นๆก็สามารถจัดการกับปัญหาด้านการผลิตได้กันหมดแล้ว ลำพังแค่ในยุโรป ผู้ผลิตวัคซีนจะสามารถผลิตวัคซีนได้ถึง 500 ล้านโดสต่อเดือนในปีหน้า​
Türeci: เป้าหมายของเราคือการจัดหาวัคซีนให้คนทั้งโลกมาโดยตลอด เรากำลังเตรียมการผลิตวัคซีนโควิดบางส่วนสำหรับแอฟริกา และผลิตบางขั้นตอนที่แอฟริกาภายในสิ้นปีนี้​
SPIEGEL: แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแอฟริกา ความระแวงสงสัยเกี่ยวกับวัคซีนดูเหมือนจะสูงเป็นพิเศษ?​
Şahin: นั่นก็เป็นปัญหาเช่นกัน แต่ในขณะเดียวกัน ในการสนทนาหลายครั้งเราก็สังเกตเห็นว่า มีความสนใจในวัคซีนเป็นอย่างมาก ​ ซึ่งไม่เพียงแต่ในการฉีดวัคซีน แต่ยังรวมถึงการผลิตกันเองด้วย ซึ่งนี่ก่อให้เกิดความแตกต่างอย่างแท้จริง สิ่งสำคัญอันดับแรกของเรา คือ คุณภาพของวัคซีนที่ผลิตในประเทศนั้นไม่แตกต่างจากในประเทศอุตสาหกรรม​
Türeci: เรากำลังร่วมกันคิดและวางแผนกับรัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ ของประเทศนั้นๆ ว่า ​ หลังจากภาวะระบาดโควิด-19 ผ่านพ้นไปแล้ว เครื่องจักรต่างๆจะสามารถนำมาใช้ทำอะไรต่อได้อีกบ้าง ตัวอย่างเช่น ในแอฟริกา โรงงานก็จะอาจจะกลายเป็นที่ผลิตวัคซีนป้องกันโรคมาลาเรียไปแทน​
SPIEGEL: จริงๆแล้ว คุณคงจะต้องทิ้งบริษัทไปเลย หากเรื่องวัคซีนไม่ได้ผล ​ แต่เดิมนั้น Biontech มาจากการวิจัยโรคมะเร็ง ​ การเสี่ยงลงทุนทุกอย่างไปกับงานวิจัยโรคติดเชื้อใหม่นั้นค่อนข้างเสี่ยง​
Türeci: นั่นเป็นคำถามของการให้ค่า / ทัศนคติของแต่ะคนมากกว่า ​ ปกติแล้วคนเรามักจะชั่งความเสี่ยงของสถานการณ์ที่จำเป็นจะต้องใช้น้ำพักน้ำแรงและความมุ่งมั่นก่อนจริงๆ แต่ในอีกทางนั้น การไม่ทำอะไรเลยก็มีความเสี่ยงอีกเช่นกัน เรามีทางเลือกที่จะดำเนินการราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือมีความกล้าที่จะลงแรงทำงานชิ้นใหญ่หลวง ​ ซึ่งสำหรับเราสองคนนั้น การไม่ทำอะไรเลยดูเหมือนจะมีความเสี่ยงมากกว่า ซึ่งไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงกับพนักงานของเรา กับผู้ป่วยในการทดลองทางคลินิก และกับบริษัทของเราเอง​
SPIEGEL: ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่พวกคุณทำ มันก็คุ้มค่าในแง่ของธุรกิจจริงๆ ราคาหุ้นในตลาดหุ้นแม้จะมีความผันผวนที่รุนแรงแต่ก็ไต่ขึ้นไปอย่างมาก ปัจจุบัน Biontech มีมูลค่าประมาณ 7 หมื่นล้านยูโร ซึ่งก็นับว่า มีค่ามากกว่าบริษัทยายักษ์ใหญ่อย่าง Bayer ถึงหนึ่งเท่าครึ่ง คุณคิดว่า เรื่องนี้มันไร้สาระหรือเหมาะสม?​
Şahin: ราคาหุ้นของบริษัทเองนั้นก็สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพในระยะยาวของบริษัทเองด้วย เราเชื่อว่า แม้เราจะประสบความสำเร็จถึงตอนนี้นั้น แต่เราเพิ่งยืนอยู่ที่จุดเริ่มต้นเอง ​
SPIEGEL: ตอนนี้คุณจะสามารถพัฒนายาที่แปลกใหม่ได้เร็วกว่าระยะเวลาปกติเดิมที่ ​ 10-15 ปี หรือไม่?​
Türeci: การจะทำเช่นนั้นได้ จะต้องมีผู้เกี่ยวข้องที่ร่วมกันทำงานหลายฝ่าย ตั้งแต่ซัพพลายเออร์ไปจนถึงหน่วยงานกำกับดูแล แต่แน่นอนว่า ตอนนี้วัคซีนเป็นโครงการต้นแบบขนาดใหญ่ที่เราทุกคนดำเนินการร่วมกัน และเราสามารถเรียนรู้วิธีที่เราสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เร็วขึ้น และใช้ระบบราชการน้อยลง ​ ซึ่งก็มีความพยายามในระดับต่างๆ เพื่อทำให้กระบวนการเหล่านี้ท้ายสุดแล้วกลายเป็นขั้นตอนทางการจริง​
Şahin: เคสตัวอย่างแบบนี้อย่างเดียวยังไม่เพียงพอ เราจำเป็นที่จะต้องมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในสังคมกันอย่างเปิดเผย ในเรื่องที่ว่าการพัฒนายามีความสำคัญต่อเราอย่างไร? จะต้องเกิดอะไรขึ้นเพื่อให้ยาตัวใหม่สามารถพัฒนาได้เร็วขึ้นและเข้าถึงผู้ป่วยได้เร็วขึ้น?​
SPIEGEL: หนึ่งในโครงการใหญ่ของคุณต่อไปคือยารักษาโรคมาลาเรีย คุณมีความคืบหน้าอย่างไร?​
Şahin: ในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตหลายแสนคนจากโรคมาลาเรียและวัณโรค ซึ่งนี่ถือเป็นความท้าทายด้านชีววิทยาและการแพทย์ที่สำคัญมาช้านาน ตอนนี้เราสามารถก้าวไปข้างหน้าด้วยความเร็วและอย่างจริงจัง เนื่องจากเรามีผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่ทำงานกับเราซึ่งวิจัยโรคเหล่านี้มานานหลายทศวรรษ​
SPIEGEL: คุณคาดหวังผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมแน่ชัดเมื่อใด?​
Şahin: ถ้าเราพูดถึงโรคมาลาเรีย เราเห็นโอกาสที่จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เราได้ทำการวิจัยอย่างจริงจังเกี่ยวกับสิ่งที่เชื้อโรคอันชาญฉลาดนี้ทำเพื่อหลบเลี่ยงระบบภูมิคุ้มกัน และเราก็ได้พิจารณาถึง สาเหตุที่บริษัทอื่นไม่เข้ามาเกี่ยวข้อง หรืออะไรเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดความล้มเหลวในการดำเนินการ​
Türeci: ฉันคิดว่า เราเข้าใจปัญหาได้ดีแล้ว และเราก็มีแผนการแล้วว่าจะดำเนินการแก้ไขปัญหานี้อย่างไร​
Şahin: เรายังไม่รู้ว่ามันจะได้ผลหรือเปล่า แต่เราจะเริ่มการศึกษาทางคลินิกครั้งแรกของเราโดยเร็วที่สุดในปี 2022

 
อินทรีย์ล่าสาร
เพจ เยอรมันอินไซด์
10/09/2021
 
อ้างอิง:​ https://cutt.ly/KWCDdFT

 
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด