2. การล้างไตทางช่องท้อง (Peritoneal dialysis)
การล้างไตทางช่องท้องคือการขจัดของเสียและน้ำผ่านทางผนังช่องท้องโดยการใส่น้ำยาเข้าไปในช่อง
ท้องผ่านทางสายที่มีลักษณะเฉพาะ ซึ่งสายนี้ต้องทำการผ่าตัดฝังเข้าไปในช่องท้อง
วิธีการทำคือใส่น้ำยาเข้าในช่องท้องผ่านทางสายเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วจึงปล่อยออก โดยจะมีการเปลี่ยนน้ำยา 4–5 ครั้ง/วัน วิธีนี้สามารถทำที่บ้านหรือที่ทำงานได้ โดยที่ต้องทำทุกวัน ผู้ป่วยสามารถเลือกเวลาทำ
ได้ด้วยตัวเอง สิ่งสำคัญ คือผู้ป่วยหรือผู้ช่วยเหลือต้องเรียนรู้วิธีการทำเป็นอย่างดี
ในปัจจุบันมีวิธีการล้างไตทางช่องท้องโดยใชเ้ครื่อง ทำให้ผู้ป่วยหรือญาติไม่ต้องเปลี่ยนน้ำยาเอง โดยมักทำเฉพาะเวลากลางคืน เรียกว่า automated peritoneal dialysis
การล้างไตทางช่องท้องมีข้อดีคือ
- สามารถทำได้ด้วยตัวเองอยู่กับบ้าน ไม่ต้องมาโรงพยาบาลบ่อย ๆ
- สามารถชะลอการเสื่อมของไตที่เหลืออยู่น้อยนิดให้อยู่ได้นานกว่าการฟอกเลือด
- เหมาะกับผู้ป่วยที่มีปัญหาทางโรคหัวใจที่ไม่สามารถรองรับการดึงน้ำในปริมาณมากด้วยวิธีฟอกเลือดได้
ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อย คือ การเกิดการติดเชื้อในช่องท้อง (peritonitis) ซึ่งสามารถป้องกัน โดยการปฏิบัติตามขั้นตอนการล้างไตอย่างเคร่งครัด ภาวะแทรกซ้อนอื่นที่พบได้คือ ภาวะน้ำเกินและบวมเนื่องจากผนังหน้าท้องเสื่อมประสิทธิภาพ ทำให้ไม่สามารถดึงน้ำออกมา ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการผ่าตัดใส่สายล้างไต (เช่น การได้รับบาดเจ็บอวัยวะภายใน) ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงอาการปวดหลัง เป็นต้น
ในปัจจุบันการล้างทางช่องท้อง ถือเป็นการบำบัดทดแทนไตหลักที่ต้องพิจารณาเป็นอันดับแรกในผู้ป่วยสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
3. การปลูกถ่ายไต (Kidney transplantation)
การปลูกถ่ายไต คือการรักษาผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้ายโดยการใช้ไตจากผู้อื่น ซึ่งผ่านการตรวจ แล้วว่า เข้ากันได้ ให้มาทำหน้าที่แทนไตเก่าของผู้ป่วยที่สูญเสียไปอย่า่งถาวรแล้ว
ปัจจุบันถือว่า เป็นการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยไตวายทั้งในวัยเด็กและผู้ใูหญ่ เนื่องจากถ้าไตใหม่ทำหนา้ที่ได้ดีแล้ว สามารถทดแทนไตเดิมได้สมบูรณ์ คุณภาพชีวิตจะดีขึ้น รวมทั้งชีวิตที่ยืนยาวกว่าการบำบัดทดแทนไตวิธีอื่น ไม่ว่าจะเป็นการฟอกเลือด หรือการล้างไตทางช่องท้อง ผู้ป่วยจะมีความรู้สึกเหมือนกับการได้รับชีวิตใหม่
วิธีการปลูกถ่ายไต คือการนำไตของผู้อื่นที่เข้าได้กับผู้ป่วยมาปลูกถ่ายให้กับผู้ป่วย ไม่ใช่การเปลี่ยนเอาไตผู้ป่วยออกแล้วเอาไตผู้อื่นใส่เข้าแทนที่ การผ่าตัดทำโดยการวางไตใหม่ไว้ในอุ้งเชิงกรานข้างใดข้างหนึ่งของผู้ป่วย แล้วต่อหลอดเลือดของไตใหม่เข้ากับ หลอดเลือดของผู้ป่วยและต่อท่อไตใหม่เข้าในกระเพาะปัสสาวะของผู้ป่วย การปลูกถ่ายไตนี้ใช้ไตเพียงข้างเดียวก็พอ โดยไตที่นำมาใช้ปลูกถ่ายได้มาจาก 2 แหล่งคือ จากผู้บริจาคที่ยังมีชีวิต (living donor) และจากผู้บริจาคที่มีภาวะสมองตาย (deceased donor) โดยในกรณีหลังผู้ป่วยจะต้องลงทะเบียนรอรับไตบริจาค (waiting list) ที่ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย ถ้าร่างกายของผู้ป่วยรับไตใหม่ได้ดีและไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดๆ ไตที่ได้รับใหม่จะทำงานได้ดีแต่ ผู้ป่วยต้องได้รับยากดภูมิต้านทานตลอดชีวิต และต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ตลอดไป หากขาดยากดภูมิ ต้านทาน ร่างกายจะต่อต้านไตที่ได้รับใหม่ทำให้ไตเสียและยังอาจเปลี่ยนอันตรายถึงชีวิตได้
4. การรักษาแบบองค์รวมชนิดประคับประคอง
ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้ายบางรายอายุมาก มีโรคร่วมหลายชนิด คุณภาพชีวิตไม่ดี อายุขัย คาดการณ์จำกัด หรือผู้ป่วยแสดงเจตจำนงไม่ประสงค์รับการรักษาบำบัดทดแทนไต การรักษาแบบองค์รวมชนิด ประคับประคองก็สามารถเป็นทางเลือกหนึ่ง แต่ทั้งนี้ผู้ป่วยควรได้รับการจัดการดูแลแบบช่วงท้ายของชีวิตที่ดี มีการตัดสินใจร่วมกันระหว่าง ผู้ป่วย ครอบครัวและทีมสหสาขาวิชาชีพที่ดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง เพื่อวางแผนการรักษาให้ตอบสนองต่อเป้าหมายและคุณค่าในชีวิตของผู้ป่วยเหมาะสมที่สุด
คู่มือผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้าย ที่ได้รับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไต
หน่วยไตเทียม โรงพยาบาลราชวิถี