ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

อนาคตกัญชาไทย หลังดีเดย์ 9 มิถุนายน 65 ปลดล็อกกัญชา ปลูกได้ ต้องจดแจ้ง

อนาคตกัญชาไทย หลังดีเดย์ 9 มิถุนายน 65 ปลดล็อกกัญชา ปลูกได้ ต้องจดแจ้ง HealthServ.net
อนาคตกัญชาไทย หลังดีเดย์ 9 มิถุนายน 65 ปลดล็อกกัญชา ปลูกได้ ต้องจดแจ้ง ThumbMobile HealthServ.net

จากวันนี้ (12 พ.ค.65) นับถอยหลังจะเหลืออีกไม่ถึง 1 เดือน ที่จะถึงกำหนดดีเดย์ปลูกกัญชาได้โดยอิสระสำหรับในครัวเรือนที่กำหนดปลดล็อกวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ตามที่ประกาศผ่านราชกิจจาฯ วันที่ทุกคนในประเทศที่สนใจและมีส่วนเกี่ยวข้องกับกัญชาทุกภาคส่วนเฝ้ารอและจับตา ล่าสุด รมว.สธ. นายอนุทิน ชาญวีรกุล คีย์แมนสำคัญในการผลักดันนโยบายนี้ ล่าสุดได้เผยแพร่โพสต์เมื่อ 7 พ.ค.65 ถึงอนาคตของกัญชาในประเทศไทยไว้น่าสนใจและน่าพิจารณาอย่างยิ่ง


เนื้อหาจากโพสต์ ดังนี้ 


"นโยบายกัญชาของพรรคภูมิใจไทย
หลังวันที่ 9 มิถุนาฯ 65
 
ประชาชน ปลูกง่าย เพื่อใช้ในครัวเรือน ผ่านการจดแจ้ง 
การแจกกัญชา 1 ล้านต้น จะเป็นคำตอบ 
ไม่มีใครผูกขาดได้
 
ผู้ที่ต้องการทำธุรกิจ สามารถทำได้ ไม่มีผูกขาด 
แต่มีระเบียบกฎเกณฑ์ ในการเข้าสู่ธุรกิจ 
การกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมในการประกอบธุรกิจ เป็นเรื่องปกติ 
ไม่ใช่การประมูลสัมปทานแบบผูกขาด
 
เป็นโอกาสให้ประชาชน กับ รัฐ มีรายได้ จากกัญชา กัญชง เม็ดเงินหลายหมื่นล้านบาท เป็นรายได้ใหม่จากกัญชา กัญชง
 
เปิดเวทีให้ประชาชน ได้มาแสดงผลิตภัณฑ์ ภูมิปัญญา และ จำหน่ายสินค้าจากกัญชา กัญชง ได้ ทั่วประเทศ 
ไม่มีใครผูกขาดได้  
 
ทุกเวที มีแต่ประชาชนรายย่อย มานำเสนอสินค้า
 
กฎหมาย ให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐ ดำเนินการกับผู้ละเมิดกฎหมาย เป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่การกลั่นแกล้ง รังแก 
กัญชา ไม่มีสัมปทาน 
เป็นการแข่งขันเสรี 
เป็นตลาดเสรี เพียงต้องทำตามกฎหมาย
 
ต่างจาก เหล้า ที่รายใหญ่ 2-3 รายได้สิทธิจากการประมูล 
จากนั้น เจ้าหน้าที่ ไล่จับประชาชน ไม่ให้ได้ผุดได้เกิด
 
ไก่ย่างกัญชา ตัวละ 300 บาท ใครๆ ก็ทำขายได้ เมื่อปฏิบัติตามกฎหมาย 
 
ใช้กัญชาจากการปลูกที่ได้รับอนุญาต หรือ จดแจ้งกับเจ้าหน้าที่รัฐ 
ประชาชนรายย่อยขายแบบนี้ ไม่ต้อง มี อย. 
 
แต่ถ้ารายใหญ่จะทำใส่ซอง ใส่กล่อง ติดชื่อสินค้า มีโฆษณา ต้องขอ อย. 
 
นี่คืออนาคตกัญชาไทย 
หลังวันที่ 9 มิถุนาฯ 65"


ทุกบรรทัดล้วนมีความหมายและนัยยะที่ต้องติดตาม
โดยเฉพาะในทางปฏิบัติ ว่าต้องทำอย่างไร ขั้นตอนวิธีการที่ศึกษา
จับตา ประกาศต่างๆ จาก สถาบันกัญชาทางการแพทย์ต่อไป และ อย. 2 ตัวหลักที่มีบทบาทขับเคลื่อนนโยบายและกฏเกณฑ์ต่างๆ ภายหลัง 9 มิถุนายน 65

มหกรรม 360 องศา ความเคลื่อนไหวสำคัญ


ล่าสุด ประกาศแล้ว ถึงการจัดงาน งานมหกรรม 360 องศา 2565 ปลดล็อคกัญชา ประชาชนได้อะไร กำหนดจัดวันที่ 10-12 มิถุนายน 2565 เวลา 09.00-16.30น. ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เช่นเดียวกับปีที่ผ่านๆ มา ที่บุรีรัมย์เป็นเจ้าภาพมาตลอด  ผู้สนใจ ลงทะเบียนเข้าร่วมงานฟรี ได้แล้ว

ประกาศระบุว่าในงานจะมีบริการคลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนไทย (เลือกกำหนดวันเข้ารับบริการได้ จากการลงทะเบียนออนไลน์) งานสัมมนาทางวิชาการจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ นิทรรศการกัญชา-กัญชง Work Shop

ส่วนที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่งในงานนี้ คือส่วน งานสัมมนาทางวิชาการจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ ที่คาดว่าหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง กับนโยบายกัญชาทั้งหมด จะต้องจัดทัพข้อมูลอย่างพร้อมเพรียงเพื่อไปสู่การรับลูกผลักดันนโยบายกัญชาการแพทย์เสรีที่เริ่มมีผลบังคับใช้  ตั้งแต่ กระทรวงสาธารณสุข  สถาบันกัญชาทางการแพทย์  กรมแพทย์แผนไทย องค์การเภสัช กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์  กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตร  และหน่วยงานที่สำคัญที่สุด คือ อย. ที่มีบทบาทเป็นผู้ออกกฏและคุมกฏการบังคับใช้ การจดแจ้ง ที่จะต้องเปิดเผยข้อมูล แนวทางปฏิบัติ กฏเกณฑ์ ต่างๆ ในงานนี้อย่างแน่นอน เช่นเดียวกับที่ได้มีบทบาทเดียวกันนี้ ในงานมหกรรมกัญชา 360 เมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา 

ใครที่อยากรู้ แนวทางปฏิบัติ หลักเกณฑ์ ข้อกฏหมาย และอื่นใดในทุกมิติที่จะเกี่ยวข้องกับ กัญชาการแพทย์เสรีในประเทศไทย จะหาได้จากในงานนี้แน่นอน




 
อนาคตกัญชาไทย หลังดีเดย์ 9 มิถุนายน 65 ปลดล็อกกัญชา ปลูกได้ ต้องจดแจ้ง HealthServ

ทิศทางนโยบายกัญชาทางการแพทย์


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แม่ทัพใหญ่ผู้ผลักดันนโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์ มาตลอดเวลา 3 ปี ได้ฉายภาพการขับเคลื่อนนโยบายนี้ ไว้ว่า หวังจะให้นโยบายนี้ เป็นแรงผลักดันให้กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ที่สําคัญของไทย และจะสามารถพลิกโฉมให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ ในทุกมิติและทุกระดับ ตั้งแต่ระดับอุตสาหกรรม ธุรกิจ การตลาด และประชาชนที่จะเป็นทั้งผู้บริโภคและมีส่วนร่วมกับการเป็นผู้ผลิต สามารถสร้างรายได้ ได้เช่นกัน 

นโยบายผลักดันกัญชาทางการแพทย์ สร้างความคึกคักให้กับตลาดได้ไม่น้อย หากมองย้อนไปยังในปี 2564 ที่แม้ว่าจะมีสถานการณ์โควิด ผลิตภัณฑ์กัญชา กัญชง เป็นที่ต้องการของตลาดในประเทศ อย่างมาก มีผู้เล่นที่เป็นภาคธุรกิจอุตสาหกรรม เข้ามามีส่วนร่วมจำนวนมากขึ้นอย่างก้าวกระโดด ในทุกระดับตั้งแต่ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ครอบคลุมทุกเซคเตอร์ทั้งการผลิต แปรรูป เทคโนโลยี การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ด้านวิชาการ ด้านการแพทย์ รวมทั้งการตื่นตัวในภาคประชาชน วัดจากจำนวนใบอนญาตที่อย.ออกให้กับผู้ขออนุญาต ทั้งการปลูก การผลิต แปรรูป ที่ก้าวกระโดดจากปีก่อนหน้า (2563) เป็นเท่าตัว
 

หัวใจสำคัญจริงๆ ที่จะผลักดันให้นโยบายนี้ เป็นระดับมหภาค คือกฏหมาย  และความสําเร็จนั้นก็มาถึง เมื่อมีการแก้กฎหมายทําให้พืชกัญชาหลุดจากการเป็นยาเสพติดให้โทษ เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 ถัดมาได้มีการลงนาม "ปลดล็อคพืชกัญชา จากการเป็นยาเสพติด" เพื่อเปิดให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์จากกัญชาอย่างเหมาะสม ไม่จํากัดแค่ 6 ต้น ซึ่งจะมีผลบังคับใช้หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา 120 วัน คือวันที่ 9 มิถุนายน 2565
 

นายอนุทิน ย้ำว่า "กัญชา กัญชง มีประโยชน์มาก สามารถนํามาใช้ใน การรักษาอาการเจ็บป่วยได้ เรากําลังเดินหน้าให้คนไทยสามารถปลูกกัญชาเพื่อใช้ รักษาโรคได้เช่นเดียวกับพืชสมุนไพรตัวอื่นแต่จะต้องมีกระบวนการควบคุมที่ เหมาะสม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา เพื่อให้มีกฎหมายมาควบคุมเฉพาะ หลังจาก 120 วัน ที่กัญชาจะพ้นจากการเป็นยาเสพติด"
  

ปัจจุบันเรามีวิสาหกิจชุมชน ปลูกกัญชา 400 กว่าแห่ง ปลูกกัญชง 1,800 กว่าแห่ง ที่ได้รับอนุญาต และมีผลิตภัณฑ์จากกัญชา กัญชงออกสู่ตลาดอย่างกว้างขวาง ขอขอบคุณทุกกรมวิชาการที่เกี่ยวข้อง เขตสุขภาพทุกแห่ง และสถาบัน กัญชาทางการแพทย์ในการประสานและนํานโยบายกัญชาทางการแพทย์ไปสู่การปฏิบัติ การปลดล็อกกัญชา และนํากัญชามาใช้ประโยชน์เป็นการร่วมแรงร่วมใจของหน่วยงาน ทั้งในและนอกกระทรวงสาธารณสุข ได้แก่ กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม ที่มาช่วยเติมเต็มในส่วนที่กระทรวงสาธารณสุข ไม่สามารถทําได้
 
อนาคตกัญชาไทย หลังดีเดย์ 9 มิถุนายน 65 ปลดล็อกกัญชา ปลูกได้ ต้องจดแจ้ง HealthServ
 

ประชาชนที่ต้องการปลูกทำอย่างไร

 
นายอนุทิน กล่าวถึงประเด็นสำคัญที่สุด และเป็นที่สนใจของประชาชน ไว้ว่า 

"ประชาชนที่ต้องการปลูก เพื่อใช้ในครัวเรือน ไม่ต้องขออนุญาตแบบแต่ก่อน เปลี่ยนเป็นมาจดแจ้งให้รัฐทราบเพื่อให้ เป็นไปตามข้อกําหนดของสนธิสัญญาระหว่างประเทศ เมื่อเราได้ทําตามความประสงค์ของ ประชาชน คือ เอาต้นกัญชาออกจากยาเสพติดแล้ว ขอให้ท่านได้ใช้ประโยชน์ในทางที่ ถูกต้อง และช่วยกันสอดส่องดูแลไม่ให้เพื่อนร่วมสังคมนําไปใช้ในทางที่ผิด"


พร้อมกล่าวถึง หน่วยงานที่ เกี่ยวข้องกับกระบวนการนี้ 
 
"ขอขอบคุณ สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ที่ทํางานร่วมกับ ภาคส่วนต่างๆ ในการปรับเปลี่ยนข้อกฎหมายเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการปลูก และต่อยอด ไปสู่ผลิตภัณฑ์และบริการสุขภาพได้ง่ายขึ้น มีการจัดทําแนวทางการขึ้นทะเบียน ผลิตภัณฑ์กัญชา กัญชง อํานวยความสะดวกให้เกษตรกร และผู้ประกอบการดําเนินการ ขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์"

 
นายอนุทิน ทิ้งท้าย
 
"เราต้องมีความเข้าใจในการใช้กัญชาให้ถูกต้อง สามารถทำให้ทั้งสุขภาพก็ดีทั้งกระเป๋าตังค์ก็ตุงทั้งโอกาสในการทำมาหากิน เสริมสร้างรายได้ก็เพิ่มมากขึ้น และอีกอย่างหนึ่งก็คือประเทศไทยก็ยังเป็นประเทศเกษตรกรรมพี่น้องที่เป็นชาวเกษตรกรทำไมถึงไม่อยากจะมีพืชอีกหนึ่งชนิดซึ่งเป็นที่ต้องการของทั่วโลกเป็นพืชชนิดใหม่ผู้คนให้ความสนใจสูงมีสรรพคุณทางการแพทย์มาเป็นพืชทางเลือกอีกทางหนึ่งในการปลูกเพื่อเสริมสร้างรายได้ นี่คือจุดที่เรามองเอาส่วนที่เป็นประโยชน์ของกัญชามามอบให้กับพี่น้องประชาชนด้วยความมุ่งมั่น ด้วยความเต็มใจ ซึ่งกว่าจะมาถึงวันนี้ไม่ง่ายเลย ต้องผ่านอุปสรรคนานัปการ" *
 


**ข้อมูลจาก เพจอนุทิน ชาญวีรกูล 

 
อนาคตกัญชาไทย หลังดีเดย์ 9 มิถุนายน 65 ปลดล็อกกัญชา ปลูกได้ ต้องจดแจ้ง HealthServ
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด