ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

อนุทิน เผย โควิดระบาดเพิ่มขึ้นแต่ไม่รุนแรง ส่วน XBB.1.16 ไม่ได้มีอาการรุนแรงกว่าเดิม

อนุทิน เผย โควิดระบาดเพิ่มขึ้นแต่ไม่รุนแรง ส่วน XBB.1.16 ไม่ได้มีอาการรุนแรงกว่าเดิม HealthServ.net
อนุทิน เผย โควิดระบาดเพิ่มขึ้นแต่ไม่รุนแรง ส่วน XBB.1.16 ไม่ได้มีอาการรุนแรงกว่าเดิม ThumbMobile HealthServ.net

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผย สถานการณ์โรควิด 19 แม้ระบาดเพิ่มขึ้น แต่ไม่รุนแรง เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกัน ส่วนสายพันธุ์ใหม่ XBB.1.16 ไม่ได้มีอาการรุนแรงไปกว่าสายพันธุ์เดิม สั่งโรงพยาบาลจัดจุดฉีดวัคซีนโควิด พร้อมขอให้ สปสช.ออกแนวทางจูงใจฉีดควบคู่ “วัคซีนไข้หวัดใหญ่” และให้กรมควบคุมโรคเร่งสื่อสารทำความเข้าใจประชาชน ลดความตระหนกกรณีมีการเผยแพร่ข้อมูลอาการรุนแรงต่างๆ เช่น มีเลือดออกจมูก-ตาแดง

20 เมษายน 2566 ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประชุมติดตามสถานการณ์โรคโควิด 19 ร่วมกับผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขและผู้ทรงคุณวุฒิ โดย นายอนุทินกล่าวว่า วันนี้ได้รับฟังสถานการณ์โควิด 19 ที่ระบาดเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของกรมควบคุมโรค และไม่ได้มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกัน ทั้งจากการติดเชื้อและการได้รับวัคซีน ส่วนกรณีเชื้อสายพันธุ์ใหม่ XBB.1.16 ที่มีการเผยแพร่ข้อมูลและหลายคนวิตกนั้น เป็นธรรมชาติของเชื้อไวรัสที่จะมีการกลายพันธุ์ตลอดเวลา แต่ยังคงเป็นลูกผสมของสายพันธุ์โอมิครอนเดิม และไม่ได้มีความรุนแรงไปกว่าสายพันธุ์เดิม ส่วนกลุ่มเสี่ยงเกิดอาการป่วยรุนแรงยังคงเป็นกลุ่ม 608 ผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับเข็มสุดท้ายนานกว่า 6 เดือน           


นายอนุทินกล่าวต่อว่า การฉีดวัคซีนโควิด 19 ยังมีความจำเป็นในการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ซึ่งจะช่วยไม่ให้ป่วยอาการหนักและเสียชีวิตได้ดี โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้สั่งการให้สถานพยาบาลทั่วประเทศและสถานพยาบาลของกรมในสังกัด จัดจุดบริการฉีดวัคซีนโควิด 19 อำนวยความสะดวกประชาชน โดยวัคซีนที่มีในขณะนี้ส่วนใหญ่เป็นชนิด Bivalent ทั้งนี้ อาจารย์แพทย์ที่เป็นคณะกรรมการวิชาการแจ้งว่า สามารถฉีดวัคซีนโควิด 19 และวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ในคราวเดียวกัน ซึ่งได้มอบหมายให้เลขาธิการ สปสช.คิดแนวทางสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนมารับวัคซีนทั้งโควิด 19 และไข้หวัดใหญ่ เพื่อให้ประชาชนมารับวัคซีนมากขึ้น ส่วนข้อกังวลกรณีจะมีการระบาดของโควิด 19 และไข้หวัดใหญ่พร้อมกัน ยืนยันว่ามีความพร้อมดูแล ทั้งยาและเวชภัณฑ์ต่างๆ         


 “กรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลอาการรุนแรงต่างๆ เช่น มีเลือดออกในโพรงจมูกและตาแดง ซึ่งเป็นอาการที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่ไม่ได้เกิดในทุกคน หรือกรณีคนงานต่างด้าวเสียชีวิตกะทันหัน ตรวจ ATK ผลเป็นบวก แล้วนำไปเชื่อมโยงว่าเป็นสายพันธุ์ XBB.1.16 เพราะก่อนหน้านี้มีอาการตาแดง ซึ่งเป็นไปไม่ได้เพราะโควิดไม่ได้ทำให้เสียชีวิตทันที ต้องมีอาการป่วยมาก่อน ได้มอบหมายกรมควบคุมโรคสื่อสารข้อมูล สร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนให้มากขึ้น เพื่อลดความตื่นตระหนก” นายอนุทินกล่าว
 

กรมควบคุมโรคเตรียมวัคซีนให้ทุกกลุ่มเป้าหมาย



     นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ว่ามีแนวโน้มสูงขึ้นชัดเจนช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งผู้ป่วยรายใหม่และผู้ป่วยหนักโดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยว และจากการที่กองระบาดวิทยาได้ประเมินลักษณะทางระบาดวิทยาของโควิด 19 พบว่ามีความคล้ายคลึงกับไข้หวัดใหญ่ คือ มีการระบาดตามฤดูกาล จึงคาดประมาณได้ว่าอาจมีการระบาดของโควิด 19 สูงขึ้นในช่วงฤดูฝน กระทรวงสาธารณสุขจึงขอให้ประชาชนเร่งเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด 19 ประจำปีก่อนเข้าฤดูฝนซึ่งจะเริ่มฉีดในปี 2566 เป็นปีแรก โดยฉีดปีละ 1 เข็ม สามารถใช้วัคซีนชนิดใดหรือรุ่นใดก็ได้โดยให้ห่างจากเข็มสุดท้ายหรือประวัติการติดเชื้ออย่างน้อย 3 เดือน และไม่ต้องนับว่าเป็นเข็มที่เท่าใด โดยกรมควบคุมโรคได้มีการจัดเตรียมวัคซีนให้กับทุกกลุ่มเป้าหมายที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป และได้มีการจัดหาวัคซีนรุ่นใหม่สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่อายุ 12 ปีขึ้นไปด้วย ทั้งนี้ ประชาชนสามารถเข้ารับบริการฉีดโควิด 19 ได้ที่หน่วยบริการตามที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกำหนดไว้ สำหรับสถานที่ฉีดวัคซีนโควิด 19 ในสังกัดของกระทรวงสาธารณสุขใน กทม. ได้แก่ ศูนย์บางรัก โรงพยาบาลราชวิถี สถาบันโรคผิวหนัง สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี โรงพยาบาลสงฆ์ และสถาบันบำราศนราดูร จังหวัดนนทบุรี


 
           นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ปรับคำแนะนำการฉีดใหม่ให้เป็นการฉีดวัคซีนโควิดประจำปี เนื่องจากผลการสำรวจระดับภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประชากรไทยทั้งจากกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค และการศึกษาจากศาสตราจารย์ยง ภู่วรวรรณ พบว่าประชากรไทยส่วนใหญ่ได้มีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แล้ว จากการติดเชื้อหรือการรับวัคซีน การปรับคำแนะนำจึงเน้นคำแนะนำการฉีดให้เป็นแบบที่เข้าใจง่าย คือ ให้ฉีดวัคซีนโควิดประจำปี โดยขอเน้นให้กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ 608 พนักงานบริการหรือผู้ที่มีอาชีพต้องสัมผัสคนเป็นจำนวนมาก หรือผู้อยู่ในสถานที่แออัด เช่น ทัณฑสถาน รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ด่านหน้า และเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี เข้ารับวัคซีนประจำปีโดยเร็วเพื่อลดอาการป่วยหนัก เสียชีวิต และรักษาระบบสาธารณสุขของประเทศ ก่อนการระบาดของโควิด 19 ตามฤดูกาล ทั้งนี้ประชาชนทั่วไปก็สามารถรับวัคซีนโควิดประจำปีได้เช่นเดียวกันตามความสมัครใจ
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด