ตั้งแต่ 29 มค 64 นี้ ทุกภาคส่วน ทั้งเกษตรกร ภาครัฐ เอกชน และประชาชนทั่วไป
สามารถขออนุญาตปลูกได้ทุกวัตถุประสงค์ ตั้งแต่ การค้า การแพทย์ การศึกษา วิจัย การใช้ตามวิถีชีวิต ประเพณี วัฒนธรรม หรือผลิตเมล็ดพันธุ์รับรอง ซึ่งสามารถนำส่วนต่างๆ ของกัญชงไปแปรรูปและสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพ เช่น ช่อดอกนำไปผลิตยา สารสกัดจากกัญชง, ใบนำไปผลิตอาหาร ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เครื่องสำอาง, น้ำมันจากเมล็ดกัญชงนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เครื่องสำอาง, สารสกัดจากกัญชงนำไปผลิตเป็นเครื่องดื่ม เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์สมุนไพร เป็นต้น
ภายใต้กฎกระทรวงฉบับนี้สามารถขออนุญาตส่งออกกัญชงได้ และภายใน 5 ปี นับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ สามารถนำเข้าเมล็ดพันธุ์เพื่อนำมาปลูกได้อีกเช่นกัน โดยผู้ที่ต้องการขออนุญาตให้ยื่นคำขอ ณ สถานที่ปลูกที่ตั้งอยู่ หากอยู่ที่กรุงเทพฯ ให้ยื่นที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หากอยู่ต่างจังหวัดให้ยื่นที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ส่วนผู้ขอนำเข้าเมล็ดพันธุ์กัญชง ให้ยื่นคำขอที่ อย.
กฎกระทรวงกัญชง 63…ทำอะไรได้บ้าง
- ปลูก - คนไทยทุกคนปลูกได้ ขออนุญาตที่ อย. หรือ สสจ. ที่แปลงปลูกตั้งอยู่
- ใช้ประโยชน์ - ทำได้ทุกอย่าง แปรรูป/ ขาย/ รักษาโรค/ ศึกษาวิจัย/ เป็นมล็ดพันธุ์รับรอง/ใช้เส้นใยตามวิถีชีวิต/ ประโยชน์ทางราชการ
- ผลิตภัณฑ์
- อาหาร ยา เครื่องสำอาง สมุนไพร เสื้อผ้า เสื้อเกราะ กระดาษ ฉนวนกันความร้อน ฯลฯ ผลิตภัณฑ์สุขภาพต้องขอเลข อย. ก่อนขาย
- นำเข้า/ส่งออก - ติดต่อที่ อย. การส่งออกต้องปฏิบัติตามกฎหมายประเทศปลายทางด้วย
มีผลใช้บังคับ 29 ม.ค. 64