ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

คุณเป็นพ่อแม่ประเภทใด

คุณเป็นพ่อแม่ประเภทใด Thumb HealthServ.net
คุณเป็นพ่อแม่ประเภทใด ThumbMobile HealthServ.net

สิ่งแวดล้อมและการอบรมเลี้ยงดูลูกตลอดจนทัศนคติของ พ่อแม่เป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อพัฒนาการของลูกมาก ฉะนั้นการที่เด็กจะเติบโตขึ้นมีบุคลิกภาพเช่นใดนั้น นอกจากพันธุกรรมแล้ว การอบรมเลี้ยงดูเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญมาก ถ้าเด็ก ถูกเลี้ยงเลี้ยงดูมาอย่างถูกต้องเหมาะสม ก็จะทำให้เขามีบุคลิกภาพที่ดีมีการปรับตัวต่อปัญหาต่างๆได้อย่างเหมาะสม มีอารมณ์ที่มั่นคง แต่ในทางตรงข้าม ถ้าเด็กถูกเลี้ยงดูอย่างไม่ถูกต้องเหมาะสมก็จะทำให้เด็กมีพัฒนาการ ทางบุคลิกภาพที่ไม่เหมาะสม ซึ่งจะเป็นปัญหาต่อการปรับตัวและเป็นผลทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพจิตได้ง่าย

 
 
การที่พ่อแม่จะอบรมเลี้ยงดูลูกอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น สภาพอารมณ์ของพ่อแม่ ความสัมพันธ์ในชีวิตสมรสของพ่อแม่ ลักษณะเฉพาะของลูก เหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตครอบครัวนั้นๆประสบการณ์ที่พ่อแม่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาและจากการเลี้ยงดูลูกคนแรกด้วยปัจจัย ดังกล่าวจะเห็นว่าเด็กแต่ละคนจะมีพัฒนาการทางบุคลิกภาพไม่เหมือนกัน ทั้งนี้เนื่องจากสาเหตุดังกล่าว
 
 
 
ฉะนั้น วิธีการอบรมเลี้ยงดูลูกที่ไม่ถูกต้องของพ่อแม่ เป็นปัจจัยอันหนึ่งที่ทำให้เด็ก มีพัฒนาการทางบุคลิกภาพที่ไม่เหมาะสมดังนั้น ท่านที่คิดว่าตัวท่านเองเป็นพ่อแม่ประเภทใดดังจะกล่าวต่อไปนี้ ก็อย่างเพิ่งตกใจหรือกังวลใจ เรามาลองดูกันหน่อยดีไหมค่ะ
 
 
 
1.ประเภทรักมากและปกป้องมากเกินไป คือการให้ความรักแก่ลูกมากมาย ทะนุถนอมมากเกินไปปฏิบัติดูแลลูกเหมือนเป็นเด็กเล็กๆทั้งๆที่ลูกก็โตแล้ว พ่อแม่ก็ยังประคบประหงมเหมือนไข่ในหินไม่ยอมให้ห่างสายตา ไม่ยอมให้ทำอะไรเลยเพราะกลัวจะเป็นอันตราย ลูกไม่ต้องคิดหรือตัดสินใจทำอะไรเลย พ่อแม่จะเป็นคนจัดการให้หมด การเลี้ยงดูลูกแบบนี้ ทำให้ทักษะในการช่วยเหลือตัวเองช้า การที่จะพัฒนาไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีความมั่นใจในตัวเองมีน้อยมาก เพราะไม่เคยตัดสินใจอะไรด้วยตัวเองเลย ทำให้เป็นผู้ใหญ่ที่มีลักษณะเหมือนเด็กคือเลี้ยงเท่าไรก็ไม่รู้จักโต
 
 
 
 2.ประเภทที่ไม่ต้องการลูก พ่อแม่ที่มีทัศนคติแบบนี้ก็จะไม่รักลูกและพาลเกลียดลูก ซึ่งอาจเนื่องมาจากการมีลูกทำให้พ่อแม่ต้องลำบากยิ่งขึ้นอีกหรือขณะแม่ตั้งครรภ์มี อาการไม่สบายมากทำงานไม่ได้ ทำให้รู้สึกว่าลูกคนนี้นำความทุกข์มาให้โดยอาจจะ เกิดตั้งแต่ระยะตั้งครรภ์หรือเกิดภายหลังคลอดลูกแล้วก็ได้ พ่อแม่ก็ซักทอดว่าเป็น เพราะลูกคนนี้ทำให้ครอบครัวต้องลำบาก นอกจากนี้พ่อหรือแม่อาจจะเกลียดลูก ซึ่งตนโทษว่าเป็นเหตุให้แม่หรือพ่อบังเอิญมาตายระหว่างตั้งครรภ์หรือการคลอด ลูกคนนั้น พ่อแม่ที่มีความรู้สึกเช่นนี้ก็จะปฏิบัติต่อลูกด้วยความรุนแรง ทั้งวาจา พฤติกรรม และสีหน้า และไม่สนใจลูก ทำให้ลูกพัฒนาไปเป็นเด็กที่กระด้าง ก้าวร้าว ชอบทะเลาะวิวาท หงุดหงิด และมีลักษณะต่อต้านสังคม อาจจะเกิดปัญหาสุขภาพจิต ติดยาเสพติด ติดเหล้า ติดการพนัน ลักขโมยเป็นต้น
 
 
3.ประเภทตามใจมากจนไม่มีขอบเขต พ่อแม่มักจะตามใจลูกทุกอย่าง โดยเฉพาะ ทางวัตถุ ลูกจะได้ทุกอย่างตามที่เขาต้องการเท่าที่ฐานะทางเศรษฐกิจ ของพ่อแม่จะ อำนวย และไม่รู้จักอบรมลูกว่าสิ่งใดผิดสิ่งใดถูก อะไรควรอะไรไม่ควรปฏิบัติ ปล่อยให้ลูกทำตามใจตัวเองตามความพอใจ ผลเสียก็คือเมื่อลูกออกสู่สังคมนอกบ้าน ก็จะอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นได้ยาก ทำให้เกิดปัญหาในการปรับตัว เอาแต่ใจตัวเองและ ขาดความอดทน มีสัมพันธภาพกับบุคคลอื่นที่ไม่ราบรื่น อันจะเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาอื่นๆตามมาอีกมากมาย
 
 
4.ประเภทวิตกกังวลหวาดกลัวมากเกินกว่าเหตุ พ่อแม่มักจะตีตนไปก่อนไข้ แสดงความวิตกกังวล ในตัวลูกมากเกินกว่าเหตุ เช่นกลัวว่าลูกจะได้รับอุบัติเหตุ ลูกจะถูกหลอกไป ไม่ค่อยยอม ให้ออกไปเที่ยวข้างนอกกลัวโดนแดดหรือกร่ำฝนจะไม่สบาย เวลาลูกไม่สบายเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อยก็แสดงความวิตกกังวลมาก ย้ำถามย้ำปฏิบัติต่อลูก จนทำให้เด็กพลอยวิตกกังวลไปด้วย การเลี้ยงลูกแบบนี้จะทำให้ลูกเติบโตเป็นเด็กที่มีแต่ความวิตกกังวล หวาดกลัวห่วงใยในเหตุการณ์ต่างๆจนไม่มีความสุขและขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง
 
 
5.ประเภทเจ้าระเบียบจัด พ่อแม่แบบนี้จะเป็นคนระเบียบจัดต้องการให้ทุกอย่าง เรียบร้อย เป็นระเบียบถูกต้อง ทุกอย่างไม่รู้จักผ่อนปรนให้ ต้องคอยชี้แจงซ้ำซาก ตลอดเวลา ถ้าลูกทำไม่ได้ดังใจก็จะโกรธและตำหนิรุนแรงและคอยจุกจิกจู้จี้กับลูก แม้ในเรื่องเล็กๆน้อยๆ การเลี้ยงลูกแบบนี้จะทำให้เด็กพัฒนาไปเป็นเด็กที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง และมีปมด้อย เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีอะไรดี ไม่มีความสามารถเพราะทำอะไรไม่เคยถูกใจพ่อแม่เลย
 
 จะเห็นว่าการเลี้ยงลูกประเภทดังกล่าวทั้ง 5 แบบนี้ ทำให้การพัฒนาบุคลิกภาพของเด็กเป็นไปในทางที่ไม่เหมาะสม ฉะนั้น พ่อแม่ควรหลีกเลี่ยงการอบรมเลี้ยงดูลูกที่จะทำให้เกิดผลเสียดังกล่าว แต่ควรปฏิบัติเลี้ยงดูลูกโดยทางสายกลางเป็นสิ่งที่ดีที่สุด คือไม่มากเกินไปและไม่น้อยเกินไป ควรอบรมเลี้ยงดูลูกให้เหมาะสมกับความสามารถและวัยของเด็ก ไม่ควรใช้อารมณ์แต่ควรอบรมสั่งสอนลูกอย่างมีเหตุผล มีวินัยที่ดีแต่ต้องไม่เข้มงวดจนเกินไป และไม่ควรตามใจเด็กจนเกินไป หรือปล่อยปละละเลย จนเกินไป ควรให้ความรักอย่างเหมาะสมและมีเหตุผล ไม่ใช่รักมากอย่างไม่มีขอบเขต ตลอดจนพ่อแม่ควรจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็กได้เลียนแบบ
 
 
 
ความผาสุกในชีวิตแต่งงานของพ่อแม่ การปฏิบัติต่อกันของพ่อแม่ด้วยความรัก ความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจกันจะทำให้เด็กรู้สึกอบอุ่น มั่นคงอันจะเป็นรากฐานของการที่เด็กจะเจริญเติบโตมาด้วยความสุขและความพอใจอันจะมีผลดีทั้งต่อตัวเด็กเอง และสังคมต่อไปในอนาคต
 
ขอบคุณข้อมูลที่มาจาก med.mahidol.ac.th/patient_care

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด