7 กลุ่มเสี่ยง ที่ควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่
1.หญิงมีครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป
2.เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี
3. ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป
4. ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง ได้แก่ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ ไตวาย หลอดเลือดสมอง ผู้ป่วยมะเร็ง ที่อยู่ระหว่างได้รับยาเคมีบำบัด และเบาหวาน
5.ผู้พิการทางสมอง ช่วยเหลือตนเองไม่ได้
6.โรคธารัสซิเมีย และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ)
7.โรคอ้วน ผู้ที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 100 กิโลกรัม หรือดัชนีมวลกาย ตั้งแต่ 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร
ไข้หวัดใหญ่
เกิดจากการติดเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซ่า (Influenza Virus) ในทางเดินหายใจส่วนบน ทำให้มีไข้ ไอ น้ำมูก คัดจมูก จาม อาจมีอาการปวดเมื่อตามตัว อ่อนเพลียคล้ายกับไข้หวัด แต่อาการจะรุนแรงกว่า นอกจากนี้ ยังอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคหลอดลมและปอดอักเสบ นอกจากนั้นยังทำให้โรคประจำตัวมีอาการกำเริบจากการติดเชื้อ เช่น โรคหัวใจ, เบาหวาน, โรคเกี่ยวกับตับและไต ซึ่งมีการระบาดเป็นช่วงๆ ในหน้าฝนและหน้าหนาว เป็นเชื้อที่มีโอกาสกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่รุนแรงได้
วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ควรฉีดเป็นประจำทุกปี เนื่องจากวิวัฒนาการของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดในแต่ละปี เป็นเชื้อต่างชนิดกันและบางสายพันธุ์คาดการณ์การระบาดได้ยาก ดังนั้นควรฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ให้มีภูมิคุ้มกันสูงตลอดเวลาและครอบคลุมสายพันธุ์ที่คาดว่าจะระบาดในปีนั้นๆให้มากที่สุด โดยวัคซีนไข้หวัดใหญ่สามารถฉีดได้ตลอดปี แต่ช่วงเวลาที่เหมาะสม คือ ก่อนฤดูฝน (เดือนพฤษภาคม) และก่อนฤดูหนาว (เดือนตุลาคม) เนื่องจากเป็นช่วงที่เริ่มมีการระบาด - ข้อมูลจากรพ.ธนบุรี
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้กำหนดให้วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลเป็นสิทธิประโยชน์ภายใต้ กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยดำเนินการร่วมกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จัดฉีดให้กับประชาชนไทย ตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน