บริษัทสัญชาติอิตาลีแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2525 โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองเจนัว บริษัทก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดโลกทันที และมุ่งเน้นไปที่นวัตกรรม การวิจัย และเทคโนโลยี ปัจจุบันบริษัทดำเนินธุรกิจใน 100 ประเทศทั่วโลก ทั้งนี้ องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (NASA) ได้นำระบบอัลตราซาวด์ของอีเซาเต้ไปใช้ตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 2530 เพื่อตรวจหัวใจและหลอดเลือดของนักบินอวกาศที่ปฏิบัติหน้าที่บนกระสวยอวกาศ นอกจากนี้ อีเซาเต้ยังเป็นผู้พัฒนาเครื่องเอ็มอาร์ไอสำหรับใช้กับแขนและขาเครื่องแรก รวมถึงเทคโนโลยีภาพแบบฟิวชัน (Fusion Imaging)
ในโอกาสนี้ อีเซาเต้ได้จัดงาน "Imaging the Future, Everyday. Forty years of innovation for health since 1982" (นำเสนอภาพแห่งอนาคตในทุก ๆ วัน ฉลอง 40 ปีแห่งนวัตกรรมเพื่อสุขภาพนับตั้งแต่ปี 2525) ณ โรงละครการ์โล เฟลีเช ในเมืองเจนัว และแขกจากทั่วโลกได้ร่วมเฉลิมฉลองตลอดทั้งสัปดาห์
"เรารู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เฉลิมฉลอง 40 ปีการทำธุรกิจ และได้แบ่งปันหลักชัยสำคัญนี้ร่วมกับบรรดาผู้ก่อตั้งบริษัท พนักงานที่ทำงานกับเรามาตลอดหลายปี และพนักงานรุ่นใหม่ที่เป็นอนาคตของเรา" ฟรังโก ฟอนตานา (Franco Fontana) ซีอีโอของอีเซาเต้ กรุ๊ป กล่าว "งานนี้จัดขึ้นในช่วงสิ้นสุดของสถานการณ์อันซับซ้อน ทั้งสำหรับตลาดของเราและทั่วโลก ทว่าในช่วงเวลาดังกล่าวอีเซาเต้ไม่เคยหยุดลงทุนและพัฒนานวัตกรรม ตลอดจนพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายการเติบโตและเดินหน้าวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ซึ่งความพยายามเหล่านี้ช่วยให้เราทำผลงานได้ดีเยี่ยมในปีงบการเงิน 2564 ด้วยรายได้รวมสูงถึง 231.3 ล้านยูโร (เพิ่มขึ้น 5% จากปี 2563) และได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า"
"งบการเงินฉบับร่าง ซึ่งผ่านการรับรองจากคณะกรรมการบริษัทแล้ว จะได้รับการนำเสนอในที่ประชุมผู้ถือหุ้นสิ้นเดือนนี้ โดยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความก้าวหน้าอย่างมากของบริษัทในตลาดต่างประเทศ ซึ่งกวาดรายได้ 70% ของรายได้รวมทั้งหมด งบดุลของบริษัทนำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง โดยตลอดปี 2564 มีการพัฒนานวัตกรรมมากมายในตลาด ซึ่งสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าของเรา รวมถึงการเปิดตัวเครื่องอัลตราซาวด์สองรุ่นใหม่ล่าสุด และเครื่องเอ็มอาร์ไอแบบเปิดสำหรับทุกส่วนของร่างกายเครื่องแรกที่ผลิตโดยอีเซาเต้"
ทั้งนี้ อีเซาเต้มีพนักงานกว่า1,250 คน โดย 20% ในจำนวนนี้ปฏิบัติงานด้านการวิจัยและพัฒนา ขณะที่บริษัทจัดสรร 11% ของรายได้เพื่อลงทุนในด้านนี้ ตลอดปีที่ผ่านมา พนักงานของบริษัทเพิ่มขึ้นราว 8% ทั่วโลก โดยมีการจ้างพนักงานใหม่กว่า 100 คนที่มีความสามารถในหลากหลายสาขา โดยมุ่งเน้นไปที่การวิจัยและพัฒนา การขาย และการตลาด