สาเหตุของอาการปวดหัว
โรคปวดหัวที่พบบ่อยที่สุดในขณะนี้คงหนีไม่พ้นสาเหตุที่เกิดขึ้นจากการทำงาน ที่เรียกว่า กลุ่มอาการออฟฟิศ (office syndrome) เกิดขึ้นจากการใช้สายตาทำงานหนัก ใช้โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต คุยกัน ดูหนัง ฟังเพลง ติดต่อกันเป็นเวลาหลายๆชั่วโมงทำให้เกิดอาการปวดหัว ตั้งแต่น้อยๆ ได้แก่ ปวดตึง ท้ายทอย คอ บ่า ไหล่ ไปจนถึงอาการปวดที่มาก คือชามือ ปวดหลัง ชาขาก็มี ต้องยอมรับว่า คนที่ใช้คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน ไม่มีใครเลยที่นั่งตัวตรง ส่วนใหญ่จะนั่งตัวเอียง พับขา เป็นเวลาหลายชั่วโมงบางคนกลับมาบ้านยังใช้อุปกรณ์เหล่านี้อีก ทำให้นอนดึก แต่ต้องตื่นเช้า พักผ่อนน้อย กล้ามเนื้อเกิดอาการหดเกร็งเป็นเวลานาน หลายคนที่มีอาการปวดหัวหลายเดือนทำให้กังวลว่าจะเป็นเนื้องอกในสมอง ไปพบแพทย์ตรวจคอมพิวเตอร์สมองก็ปกติดี แต่อาการปวดหัวไม่ดีขึ้น รับประทานยาแก้ปวดพาราเซตามอลก็ไม่หาย การรักษาอาการปวดหัวไม่ยาก เพียงแต่ใน 1 ชั่วโมงของการทำงานให้พักสายตาสัก 5 นาที หรือลุกจากเก้าอี้ไปยืดเส้น ยืดสาย ก็จะไม่เกิดอาการปวดนี้ ฟังดูเหมือนง่าย แต่โดยความเป็นจริงมักจะละเลยเพราะทำงานติดพันบ้าง งานด่วนต้องรีบทำให้เสร็จบ้าง
โรคปวดหัวอีกชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยในผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 20-40 ปี คือ ปวดหัวไมเกรน ที่เรียกว่าปวดหัวข้างเดียว ลักษณะปวดตุ้บๆ เหมือนชีพจรเต้น ที่เป็นแบบนี้เพราะหลอดเลือดที่ขมับเกิดอาการขยายตัว หลายคนมีอาการเตือนมาก่อน เช่น เห็นแสงระยิบระยับ เห็นภาพผิดปกตินำมาก่อน หลังจากนั้นจึงเกิดอาการปวดหัวตุ้บๆ คลื่นไส้ อาเจียน บางคนเกิดอาการปวดหัวก่อนมีรอบเดือน ดังนั้นฮอร์โมนเพศหญิงจึงมีความสัมพันธ์กับการเกิดไมเกรน สิ่งสำคัญที่ทำให้ปวดหัวได้บ่อย คือ ความเครียด อดนอน อากาศร้อน และอาหารบางชนิด หากเป็นต่างประเทศอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงได้แก่ เนยแข็ง ช็อกโกแลต กล้วยหอม แต่สำหรับคนไทยควรหลีกเลี่ยงกินอาหารจำพวก ปิ้งย่าง หรือผลไม้บางชนิด เช่น ทุเรียน เป็นต้น เมื่อมาพบแพทย์และได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นไมเกรนจะได้รับการสั่งยารักษาอาการปวดดังกล่าว ซึ่งควรจะพกติดตัวตลอดเวลาหากมีอาการปวดหัวตุ้บๆ ให้รีบรับประทานยาทันที ไม่ควรรอจนปวดมาก เพราะยาจะไม่ได้ผล คนที่มีอาการปวดหัวไมเกรนเกิน 1 ครั้ง ต่อเดือน แพทย์จะสั่งยาป้องกันไม่ให้ไมเกรนกำเริบซึ่งต้องกินติดต่อกันหลายเดือนเพื่อไม่ให้ปวดหัวอีก แต่สิ่งที่สำคัญต้องพักผ่อนอย่างเพียงพอ ก็จะทำให้อาการปวดหัวไมเกรนนั้นห่างออก
อาการปวดหัวแบบไหนควรพบแพทย์ทันที
1. ปวดหัวเหมือนจะระเบิด
ไม่เคยปวดแบบนี้มาก่อนในชีวิต บ่งบอกว่ามีความดันในกะโหลกศีรษะเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว พบในภาวะเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองร่วมกับความดันโลหิตสูง
2. ปวดหัวรุนแรง ร่วมกับมีอาการแขนขาอ่อนแรงครึ่งซีกทันที
บ่งบอกว่าเป็นอัมพาต อัมพฤกษ์ ที่เกิดจากเลือดออกในเนื้อสมอง
3. ปวดหัวรุนแรง ร่วมกับมีไข้ คอแข็ง ก้มคอไม่ได้
อาจจะมีอาการไม่เกิน 1 สัปดาห์ บ่งบอกว่า มีการติดเชื้อในเยื่อหุ้มสมอง
4. ปวดหัวรุนแรง มีไข้ ร่วมกับมีอาการชักเกร็งกระตุกทั้งตัว และซึมลง
บ่งบอกว่ามีสมองอักเสบ
หากท่านหรือญาติมีอาการปวดหัวดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ควรมาพบแพทย์ให้เร็วที่สุด เพื่อตรวจหาสาเหตุของการปวดหัวและให้การรักษาอย่างทันท่วงที